Music Hit In your life

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีแก้ ภาษาต่างดาว และแทรกปกอัลบัม ด้วยโปรแกรม MP3Tag


ในนี้ผมจะสอนแบบรวบลัดนะครับ คือให้แค่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันครับ ที่จริงมันยังมีฟังค์ชั่นอีกหลายๆ ฟังค์ชั่นในนี้ที่ผมไม่ได้สอนเอาใว้ ก็ลองไปเปิดเล่นดูก็แล้วกันครับ น่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้
เรามาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า

ขั้นตอนที่ 1. ให้เราดับเบิลคลิ๊ก Icon MP3Tag แล้วมันก็จะปรากฏหน้าต่างดังนี้
ขั้นตอนที่ 2. ให้เราทำตามขั้นตอนดังนี้ Icon MP3Tag

1.กดเข้าไปที่ Brows for folder
2.MP3 ของเรา อยู่ที่ใหน ต้องการจะ convert file ตัวใหน ก็เข้าไปเลือก folder ที่เก็บไฟล์ MP3 ของเราได้เลยครับ อย่างตอนนี้ ไฟล์เพลง MP3 ของผมอยู่ใน โฟลเดอร์ชื่อ น้องฝ้าย
3.เมื่อเลือก folder ได้แล้วก็กด OK ครับ

ขั้นตอนที่ 3. ทีนี้ไฟล์ MP3 ในโฟลเดอร์ที่เราเลือกเอาใว้มันก็จะปรากฏขึ้นมา ทางด้านขวามือ
ขั้นตอนที่ 4. ให้เราเลือกรายชื่อเพลงโดยการลากเมาส์ dark เอาใว้ หรือถ้าจะเอาหมดหน้าต่างก็ Ctrl+A ก็ได้ครับ
ขั้นตอนที่ 5. ให้เราคลิกขวาที่ไฟล์ที่เราเลือกเอาใว้ จากนั้นให้เราเข้าไปที่ Convert>Actions
ขั้นตอนที่ 6. ในหน้าต่าง Action Group ให้เราทำการเลือก จากนั้นให้เรากด OK
หลังจากที่เรากด OK เครื่องก็จะแจ้งสถานะให้ทราบ
ขั้นตอนที่ 7. หลังจากนั้นให้เราคลิ๊กขวาแล้วเลือก SaveTag ไปเลยครับ
เท่านี้ก็เสร็จสมบูรณ์

===============================

วิธี Add Cover ( แทรกปกอัลบัม ) สุดโปรด ด้วยโปรแกรม MP3 Tag

ไฟลที่สามารถนำมา add cover ได้จะต้องเป็นไฟล์ *.jpg,*.jpeg,*.png และใช้ความละเอียดภาพที่ 131x142 เป็นหลัก ( ใหญ่กว่านี้ก็ได้ แต่เปลืองพื้นที่เปล่าๆ )
1. ขั้นแรก เลือกเพลงที่คุณต้องการจะ Add ปกอัลบัม เสียก่อน เลือกกันให้พอใจเลยนะครับ
2. เมื่อ เมื่อได้เพลงที่เราต้องการแล้ว ให้เราคลิ๊กขวา แล้วเลือก Extended Tag.. คลิ๊กเข้าไปได้เลยครับ
3. เมื่ออยู่ในหน้าต่าง Tags แล้ว ให้เราคลิ๊ก ได้เลย
4. และในหน้าต่างนี้ ให้เราทำการ Brows ค้นหาแหล่งที่เราเก็บรูปภาพ เมื่อเราได้รูปภาพแล้ว ก็ให้กด Open ได้เลย
5. แสดงรูปให้ดูแล้ว ก็กด Ok
6. จากนั้นโปรแกรมจะทำการเซฟรูปให้เราโดยอัตโนมัต

.. ง่ายๆ แค่นี้ ที่เหลือให้ก็อบไฟล์ MP3 ลงในโทรศัพท์ เท่านี้ ปกอัลบั้มของท่านก็จะโชวออกมาทันที

ที่มา
http://community.siamphone.com

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Code โค้ด ต่างๆ สำหรับติด blog ที่น่าสนใจ

1) Code พยากรณ์อากาศ




2) Code ราคาทองคำ




3) Code ราคาน้ำมัน PTT




4) Code อัตราดอกเบี้ยและ แลกเปลี่ยน



5) Code ข่าวหุ้น



วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รวมวิธีแก้ sign in เข้าMsnไม่ได้


ที่มา คุณ NaDaRa


สาเหตุที่เกิด โดยดูจาก Errorcode

ErrorCode : 80048883
1. ให้ไปที่ http://clientconfig.passport.net/ppcrlconfig.bin
2. แล้วโหลดไฟล์นั้นแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ppcrlconfig.dll นะครับ
3. แล้วคลิ๊กขวา copy แล้วไป paste ที่ C:\Documents and Settings\[Windows USER]\Application Data\Microsoft\IdentityCRL
4. แล้วลองเข้าดูครับ

ErrorCode : 80048848
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 ครับ

ErrorCode : 81000362
- สาเหตุ: เกิดจากที่ตัว IE เปิด Work OffLine ไว้ครับ
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 11 ครับ

ErrorCode : 800b001
- สาเหตุ: เกิดจาก MSN หาไฟล์พวก .dll บางตัวไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถ sign in ได้
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ

ErrorCode : 80048820
- สาเหตุ: เกิดจากวันที่ของเครื่องไม่ถูกต้อง
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 3 คับ หรือตั้งวันที่ใหม่ครับ (แนะนำเพิ่มเติมเล็กน้อย)ควรตั้งเวลาที่Biosด้วย

ErrorCode : 80072ee7
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาของ Firewall หรือการติดต่อออกอินเตอร์เน็ต มีปัญหา
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 และ 2 คับ

ErrorCode : 80072eff , 80070193 , 800701f7
- สาเหตุ: เป็นปัญหาจาก .NET Messenger Service มีปัญหา ซึ่งอาจจะเกิดจากตัว .Net server
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 และ 4 คับ

ErrorCode : 80072efd
- สาเหตุ: ปัญหานี้เกิดจาก ในส่วนของ windows update
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 5 คับ

ErrorCode : 80072f0d
- สาเหตุ: เกิดจากที่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ security ของ MSN ไม่ทำงาน
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 และ 6 คับ ถ้ายังไม่หายให้เพิ่มข้อ 10 ด้วยคับ

ErrorCode : 80070190
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 3 คับ

ErrorCode : 80070301
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 , 7 และ 8 คับ

ErrorCode : 81000303 หรือ " Microsoft .NET Passport has made your account temporarily unavailable to help prevent other users from guessing or obtaining your password."
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ รหัสผ่านผิด
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 3 ,4 และ 7 คับ

ErrorCode : 81000306
- สาเหตุ: เกิดจากปัญหา ของ .NET Messenger Service หรือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- วิธีแก้: แก้ตามวิธีแก้ที่ 1 , 2 , 4 และ 8 คับ

ErrorCode : 81000314
สาเหตุ: ไฟล์ dll บางไฟล์ของ MSN ยังไม่ได้ทำการ Register
วิธีแก้:
- โหลดโปรแกรมนี้ไปแล้วกดเปิดครับ http://www.msn-th.com/downloads/msnallreg.bat
ErrorCode :80072745
สาเหตุ: เกิดจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
วิธีแก้:
- ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...
- ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ
- Register DLL files และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ http://www.msn-th.com/downloads/msnallreg.bat
- เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx ว่า Server รันอยู่หรือป่าว
---------------------------------------------------------------------------------------------------

วิธีแก้:
1. ตรวจเช็ค Internet ว่า Connect อยู่หรือป่าว...

2. ปิด Firewall ทั้งของ Windows , Router และโปรแกรม Antivirus ต่างๆ

3. รีเซ็ต Register DLL files ของ MSN และตั้งวันที่ใหม่ โดยใช้ไฟล์นี้คับ
http://board.kailandz.com/download.php?id=2942

4. เช็ค .Net Messenger Service server อาจมีปัญหา ลองคลิ๊กที่นี่เพื่อตรวจสอบ http://messenger.msn.com/Status.aspx ว่า Server รันอยู่หรือป่าว

5. Internet Explorer ต้องสนับสนุน การเข้ารหัสแบบ 128 bit ให้ตรวจสอบ โดยดูได้ด้วยการคลิกเมนู Help->About ใน IE
ถ้าไม่ใช่แนะนำให้ลง IE6 ใหม่อีกรอบคับ

6. เปิด Internet Explorer ไปที่เมนู Options -> Internet Options.. -> Advancd แล้วดูที่หัวข้อ use SSL 2.0 และ use SSL 3.0 ให้ติ๊กถูกทั้ง 2 อัน

7. ให้ตรวจสอบ user name และ password ให้แน่ใจด้วยการกรอกใหม่อีกครั้งระวังตัวพิมพ์เล็กและใหญ่ด้วยนะคับ

8. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ %appdata%\microsoft กด Enter และลบโฟล์เดอร์ชื่อ MSN Messenger (Emo และ DP ที่เพิ่มเข้าไปจะหายไปหมด)

9. อาจถูกบล็อคการใช้งานจากผู้ดูแลระบบ ลองติดต่อ admin คับ

10. ไปที่ Start -> Run พิมพ์ regsvr32 initpki.dll กด Enter แล้วรอครับอาจจะนานหน่อยเป็น 10 นาที...
11. ตรวจเช็คการตั้งค่าใน IE และ MSN

เช็คว่า IE OffLine ไว้หรือป่าว
- เรียก Internet Explorer ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู File แล้วดูที่ Work Offline ว่ามีติ๊กไว้หรือป่าวถ้ามีให้เอาออก
ตรวจเช็คการตั้งค่า Proxy ใน IE
- เรียก Internet Explorer ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู Tools --> Internet Options
- คลิ๊กที่แท็บ Connections กดปุ่ม LAN Settings คับ
- เอาตัวติ๊กทั้งหมดออกคับ
- กด OK 2 ที
ตรวจเช็คการตั้งค่า Proxy ใน MSN
- เรียก MSN Messenger ขึ้นมาคับ
- กดที่เมนู Tools -- Options คับ
- เลือกที่ Connection กดปุ่ม Advanced Settings
- ลบทุกอย่างที่เติมไว้ในบล็อคคับ
- กด OK 2 ที

12. ตรวจเช็คไฟล์ hosts (อาจโดนเปลี่ยนโดย Spyware บางตัว)
- กดที่ Start ---> Run
- พิมพ์ notepad %SystemRoot%\system32\drivers\etc\hosts
- แล้วลบทั้งหมดออกเหลือไว้แต่ 127.0.0.1 , localhost แค่บรรทัดเดียวคับ
- แล้วสั่ง File -->Save แล้วปิดไปเลยคับ

ปล.ถ้าใครทำแล้วยังใช้ไม่ได้ให้ลองเพิ่มข้อ ,11 และ 12 ด้วยคับ

ขอบคุณ Mthai.com, msn-problems.com, Adslthailand.com ที่ให้ข้อมูลคับ

'Buzz' สังคมออนไลน์ใหม่ของ 'Google'


'Google' แถลงเปิดตัว 'Google Buzz' เว็บไซต์สังคมออนไลน์ใหม่ หวังเขย่าวงการโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้ง เช่นเดียวกับที่ปฏิวัติวงการเสิร์ชเอ็นจิ้นของโลก...

สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ว่า เว็บไซต์เสิร์จเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่ของโลก กูเกิ้ล (Google) ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์สังคมออนไลน์ หรือ โซเชียล เน็ตเวิร์กใหม่ ภายใต้ชื่อ "กูเกิ้ลบัซ" ( Google Buzz) เป็นการรวมตัวกันระหว่าง Gmail, Google Maps และ Android เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับแบ่งปันเรื่องราวและข้อมูลส่วนตัวให้กับเพื่อนๆ เช่นเดียวกับ Facebook และ Twitter

นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันสำหรับทำงานบนมือถือ iPhone และ Android ด้วย ซึ่งการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 ก.พ. กูเกิ้ลอ้างว่า Buzz จะเป็นการปฏิวัติโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้ง เช่นเดียวกับครั้งที่บริษัทปฏิวัติวงการเสิร์ชเอ็นจิ้นของโลก ทั้งนี้ Buzz กำลังพยายามดึงจำนวนสมาชิกจากผู้ใช้บริการ Gmail ทั้งสิ้นราว 170 ล้านราย.

ที่มา http://www.norsorpor.com/

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กูเกิลเตือนเว็บไซต์"เซิร์จเอ็นจิ้น"จีนใช้โลโก้เลียนแบบ ลั่นฟ้องแน่



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ว่า "Google"บริษัทเสิร์จเอ็นจิ้นหมายเลขหนึ่งของโลก

ได้เตือนเว็บไซต์"เซิร์จเอ็นจิ้น"ของจีนที่ใช้ชื่อว่า"Goojje"ว่า อาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายได้ หากยังคงใช้โลโก้เลียนแบบของกูเกิล โดยการเลียนแบบอาจทำให้ผู้ใช้บริการอินเตอร์เนทเข้าใจผิดว่า เว็บไซต์ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกูเกิล


ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวนี้ มีขึ้นในช่วงที่กูเกิลประกาศขู่จะถอนการให้บริการแก่จีน

ภายหลังแสดงความไม่พอใจที่แฮ็กเกอร์จีนได้เจาะระบบข้อมูลอีเมล์ของนักสิทธิมนุษย์ชนซึ่งเป็นผู้ใช้บริการของกูเกิล แต่ทางการจีนปฎิเสธว่า ไม่ได้มีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ที่มา http://www.teenee.com/

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แนะนำซอฟต์แวร์สำหรับเช็คอันดับเว็บไซต์ใน Google


Free Monitor for Google เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการ ตรวจเช็คอันดับของเว็บไซต์ที่ต้องการ ในเสริชเอ็นจินของ Google

วิธีการใช้งาน

1. กดเครื่องหมาย + สีเขียว จะมีหน้าต่างขึ้นมาใหม่ให้กรอก URL ลงไป แล้ว OK

2. ใส่ Keyword ในช่องแล้วกด Add ใส่จนครบแล้ว OK

3. ตั้งค่าให้ค้นหาใน Google.co.th ด้วย เลือกเป็น Thailand




สามารถ Download โปรแกรมมาใช้ได้ฟรีๆ เลยครับ

http://www.cleverstat.com/en/google-monitor-query.htm


ที่มา http://www.tikanaht.com/tag/free-monitor-for-google

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อูบุนตู (Ubuntu) คำนี้ดูคุ้นนะ คืออะไร

อูบุนตู (Ubuntu) (สัท.: ùbúntú หรือ uːˈbunːtuː มีการเรียกว่า อูบันตู บ้าง) เป็นลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน การพัฒนาสนับสนุนโดยบริษัท Canonical Ltd ซึ่งเป็นบริษัทของนายมาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ ชื่อของดิสทริบิวชันนั้นมาจากคำในภาษาซูลู และภาษาโคซา (ภาษาในแอฟริกาใต้) ว่า Ubuntu ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษคือ "humanity towards others"

อูบุนตูต่างจากเดเบียนตรงที่ออกรุ่นใหม่ทุก 6 เดือน และแต่ละรุ่นจะมีระยะเวลาในการสนับสนุนเป็นเวลา 18 เดือน รุ่นปัจจุบันของ Ubuntu คือ 9.10 รหัส Karmic Koala นั้น มูลนิธิ อูบุนตูได้ประกาศว่าจะขยายระยะเวลาสนับสนุนเป็น 3 ปี ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่รวมมาใน อูบุนตูนั้นเป็นซอฟต์แวร์เสรีทั้งหมด โดยจุดมุ่งหมายหลักของ อูบุนตูคือเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับคนทั่วไป ที่มีโปรแกรมทันสมัย และมีเสถียรภาพในระดับที่ยอมรับได้


Ubuntu เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2004 โดยเริ่มจากการแยกตัวชั่วคราวออกมาทำจากโครงการ Debian GNU/Linux เมื่อเสร็จสิ้นคราวนั้นแล้วก็ได้มีการออกตัวใหม่ๆทุก 6 เดือน และมีการอับเดตระบบอยู่เรื่อยๆ Ubuntu เวอร์ชันใหม่ๆที่ออกมาก็ได้ใส่ GNOME เวอร์ชันล่าสุดเข้าไปด้วย โดยแผนการเปิดตัวทุกครั้งจะออกหลังจาก GNOME ออกหนึ่งเดือน ซึ่งตรงข้ามกับทางฝั่งที่แยกออกมาจาก Debian อื่นๆ เช่นพวก MEPIS, Xandros, Linspire, Progeny และ Libranet ทั้งหมดล้วนมีกรรมสิทธิ์ และไม่เปิดเผยCode ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในรูปแบบธุรกิจ Ubuntu เป็นตัวปิดฉากหลักการของ Debian และมีการใช้งานฟรีมากที่สุดในเวลานี้
โลโก้ของ Ubuntu ยังคงใช้รูปแบบเดิมตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ซึ่งสร้างโดย แอนดี้ ฟิสสิมอน ฟอนต์ได้รับการแจกมาจาก Lesser General Public License แล้วก็ได้มาเป็นโลโก้Ubuntu ส่วนประกอบต่างๆของUbuntu ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากความไม่แน่นอนของ Debian โดยทั้งสองใช้ Debian's deb package format และ APT/Synaptic เป็นตัวจัดการการติดตั้งส่วนประกอบต่างๆ Ubuntu ร่วมมือกับ Debian ในการผลักดันให้เปลี่ยนกลับไปเป็น Debian ถึงแม้ว่าว่าได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนประกอบของทั้งสองไม่สามารถเข้ากันได้

ผู้พัฒนาUbuntuหลายๆคนว่ามีตัวจัดการรหัสของส่วนประกอบของDebianอยู่ภายใน ตัวมันเอง อย่างไรก็ตาม แลน เมอดั๊ก ผู้คิดค้น Debian ได้วิจารณ์ในเรื่องความเข้ากันไม่ได้ในหลายๆอย่าง ระหว่างส่วนประกอบของ Ubuntu กับ Debian กล่าวไว้ว่า Ubuntu แตกต่างเป็นอย่างมากจาก Debian ในเรื่องความเข้ากันได้
นั้นคือแผนการที่จะแตกแยกโดยมีชื่อเรือกว่า Grumpy Groundhog มันควรจะมั่นคงแน่นอนในการพัฒนาและทดสอบ ผลักดันให้ซอร์สโค๊ด ออกไปโดยตรงจาก การควบคุมการแก้ไข ของโปรแกรมต่างต่างๆ และโปรแกรมประยุกต์นั้นก็ได้โอนย้ายไปเป็นส่วนของ Ubuntu นั่นควรจะอนุญาตให้ เหล่าpower users และ upstream developers ในการทดสอบโปรแกรมส่วนบุคคล พวกเขาน่าจะได้ทำหน้าที่ ถ้าโปรแกรมได้ถูกกำหนดเป็นส่วนประกอบที่ได้ทำการแจกจ่ายแล้ว นอกจากนี้แล้วยังต้องการที่จะสร้างส่วนประกอบขึ้นมาด้วยตัวของพวกเขาเอง มันควรจะสามารถจัดเตรียมล่วงหน้า ก่อนคำเตือนของการสร้างที่ผิดพลาด บนโครงสร้างที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการเตรียมการเอาไว้ของ กัมไปร์ กราวฮ๊อก ร่วมมือกับ Debian Unstable ทุกๆ 6 เดือน และกัมไปร์ กราวฮ๊อก ได้ทำให้เป็นซอฟแวร์แบบสาธารณะแล้ว



ตัวอย่างระบบปฏิบัติการ อูบุนตู


ปัจจุบัน Ubuntu ได้รับเงินทุนจาก บริษัท Canonical ในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 นายมาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ และ บริษัทCanonical ประกาศสร้าง Ubuntu Foundation และเริ่มให้ทุนสนับสนุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จุดมุ่งหมายของการริเริ่มที่แน่นอนว่าจะสนับสนุนและพัฒนา เวอร์ชันต่อๆไปข้างหน้าของ Ubuntu แต่ในปี ค.ศ. 2006 จุดมุ่งหมายก็ได้หยุดลง นาย มาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ กล่าวว่าจุดมุ่งหมายที่จะได้เงินทุนฉุกเฉินจากความสัมพันธ์กับบริษัท Canonical คงจบลง ในช่วงเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 2007 ได้มี Ubuntu Live 2007ขึ้น นายมาร์ก ชัทเทิลเวิร์ธ ประกาศว่า Ubuntu 8.04 (กำหนดการออกเดือนเมษายน ค.ศ. 2008) จะมีการสนับสนุน Long Term Support (LTS) เขาได้ดึงบริษัท Canonical มาเป็นคณะกรรมการในการออกเวอร์ชันการสนับสนุนLTSใหม่ๆทุกๆ 2 ปี

ความสามารถสำคัญ

* นักพัฒนา Ubuntu จำนวนมากมาจากชุมชนเดเบียนและ GNOME โดยการออก Ubuntu รุ่นใหม่จะตรงกับรุ่นใหม่ของ GNOME อยู่เสมอ มีนักพัฒนาอีกหลายกลุ่มพยายามที่จะใช้ KDE กับ Ubuntu และทำให้เกิดโครงการ Kubuntu ขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการ Xubuntu สำหรับ XFCE และตัว Shuttleworth เองยังประกาศโครงการ Gnubuntu ซึ่งใช้ซอฟต์แวร์เสรีทั้งหมด ตามอุดมคติของริชาร์ด สตอลแมน และโครงการ Edubuntu ซึ่งเป็นลีนุกซ์ที่ใช้ภายในโรงเรียนอีกด้วย
* Ubuntu นั้นเน้นในเรื่องความง่ายในการใช้งานเป็นหลัก ใช้เครื่องมือ sudo สำหรับงานบริหารระบบ เช่นเดียวกับ Mac OS X
* รองรับการทำงานกับทั้ง CPU ชนิด 32bit และชนิด 64bit
* รูปแบบการติดตั้งแบบ Live CD ที่รันระบบปฏิบัติการจากแผ่นซีดี ให้ทดลองใช้ก่อนการติดตั้งจริง

* ทุกโครงการของ Ubuntu นั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน ผู้ใช้ทุกคนจากทุกประเทศสามารถขอรับซีดี Ubuntu ได้ฟรี (ทาง Ubuntu จะเป็นฝ่ายเสียค่าจัดส่งให้ทางไปรษณีย์) ใต้ชื่อโครงการ Ubuntu Shipit โครงการนี้ยังแบ่งย่อยเป็น Kubuntu Shipit, และ Edubuntu Shipit ด้วย แตทว่า Edubuntu ShipIt ได้ปิดตัวลงไปตั้งแต่ออกเวอร์ชัน 8.10 มา
* ส่วนติดต่อผู้ใช้หลังจากติดตั้งเสร็จจะเป็นสีน้ำตาลและส้ม ใช้ชื่อชุดตกแต่งนี้ว่า Human ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้
* ใช้ระบบ APT และ Synaptic ในการจัดการโปรแกรมของระบบ
* ลินุกซ์ทะเล (Linux TLE) ซึ่งเป็นลินุกซ์ที่พัฒนาโดยคนไทย ก็ได้ใช้ Ubuntu เป็นฐานในการพัฒนา ตั้งแต่ลินุกซ์ทะเลเวอร์ชัน 8.0 เป็นต้นมา

ระบบ ที่ต้องการ

ในที่สุดเวอร์ชันที่ผ่านของ Ubuntu นั้นสนับสนุนสถาปัตยกรรม Intel x86 และ AMD64 ของเครื่องเดสท็อปที่มีออกมา และ สถาปัตยกรรม Intel x86, AMD64 และ SPARC ของเครื่องแม่ข่าย แต่ก็ยังไม่สนับสนุนสถาปัตยกรรมของ PowerPC (ในเวอร์ชัน7.04 นั้นก็ยังพอที่จะสนับสนุนสถาปัตยกรรมPowerPC ) , IA-64 (Itanium) และ เครื่องเล่นเกมส์ PlayStation 3 สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆที่ไม่ได้อยู่ในระบบที่แนะนำก็ยังพอมี Xubuntu,ที่มีพื้นฐานมาจาก Xfce,ที่ต้องการ หน่วยความจำหลัก และพื้นที่ว่างเพียงครึ่งเดียวที่แนะนำ
Server Edition เครื่องที่เก่ามากๆก็เป็นไปได้ที่จะลงระบบปฏิบัติการนี้ได้ (เช่น 75 MHz Pentium หน่วยความ จำหลัก 32 MB) , ระบบขั้นต่ำที่แนะนำที่ได้ประสิทธิภาพที่สุดดังนี้:

* ไมโครโปรเซสเซอร์ 300 MHz สถาปัตยกรรมx86
* หน่วยความจำหลัก 64 MB
* พื้นที่ Harddisk 500 MB
* การ์ดแสดงผลได้ที่ความละเอียด 640×480 pixel
* ไดร์ฟ CD-ROM

Desktop Edition
สำหรับรุ่นที่ใช้กับเครื่องเดสท็อปนั้นมีการแนะนำระบบขั้นต่ำที่ได้
ประสิทธิภาพที่สุดดังนี้:

* ไมโครโปรเซสเซอร์ 500 MHz สถาปัตยกรรมx86
* หน่วยความจำหลัก 192 MB * พื้นที่ Harddisk 8 GB (ในการติดตั้งจริงต้องการ 4 GB )
* การ์ดแสดงผลได้ที่ความละเอียด 1024×768 pixel
* การ์ดประมวลผลทางเสียง (ถ้ามี)
* การ์ดเชื่อมต่อกับระบบเน็ตเวิร์ก

http://th.wikipedia.org

มาทำความรู้จัก โปรแกรม "จูมลา!" กัน



โปรแกรม จูมลา! (Joomla!) คือ อะไร ?

"จูมลา!" คือ ระบบบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซด์ ( content management system [CMS] ) ที่ได้รับรางวัลมากมาย เป็นระบบที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเว็บไซด์ และบริหารจัดการโปรแกรมต่างๆ ภายในเว็บไซด์ได้ง่ายดายขึ้น ด้วยการจัดการเว็บไซด์ที่ง่ายดาย และความยึดหยุ่นในการขยาย ทำให้โปรแกรม "จูมลา!" ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางผู้พัฒนาเว็บไซด์ ยิ่งไปกว่านั้น "จูมลา!" เป็นโปรแกรมประเภทโอเพ่นซอร์ส ซึ่งฟรีสำหรับทุกคน

แล้วระบบบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซด์ (CMS) คือ อะไร ?
ระบบบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซด์ ( CMS ) คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้จัดการเนื้อหาต่างๆ ภายในเว็บไซด์ ไม่ว่าจะเป็น ตัวหนังสือ รูปภาพ เพลง วิดีโอ เอกสาร หรือเนื้อหาอื่นๆ อีกมากมาย ประโยชน์อย่างหนึ่งของผู้พัฒนาเว็บไซด์ ก็คือ เราไม่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคอย่างลึกซึ่ง เพื่อจะ ทำเว็บขึ้นมา สักเว็บหนึ่ง เพราะว่า CMS จะจัดการเนื้อหาต่างๆ ให้คุณหมดทุกอย่าง

มีตัวอย่างอะไรบ้างไหมที่ "จูมลา!" สามารถใช้งานได้จริง ?
"จูมลา!" ถูกใช้อย่างกว้างขวางในหลากหลายเว็บไซด์ เช่น
- เว็บไซด์บริษัท หรือ หน่วยงาน ทั้งในอินเตอร์เน็ต และภายในอินทราเน็ต
-เว็บไซด์นิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ
- เว็บไซด์อีคอมเมิร์ซ ขายของ หรือจองตั๋วต่างๆ
- เว็บไซด์ของหน่วยงานรัฐบาล
- เว็บไซด์ของบริษัทขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง
- เว็บไซด์ของหน่วยงานไม่แสวงหากำไร
- เว็บไซด์รวมกลุ่มคน ชุมชน สังคมต่างๆ
- เว็บไซด์ส่วนตัว หรือของครอบครัว
มีเว็บไซด์ไหนใช้ "จูมลา!" บ้าง ?
นี่เป็นตัวอย่างเว็บไซด์บางส่วนเท่านั้น ที่ใช้โปรแกรม "จูมลา!":
- United Nations (หน่วยงานราชการ) - http://www.unric.org
- MTV Networks Quizilla (เครือข่ายด้านสังคม) - http://www.quizilla.com
- L.A. Weekly (สื่อสารมวลชน) - http://www.laweekly.com
- IHOP (ร้านอาหาร) - http://www.ihop.com
- Harvard University (การศึกษา) - http://gsas.harvard.edu
- The Green Maven (สิ่งแวดล้อม) - http://www.greenmaven.com
- Outdoor Photographer (นิตยสาร) - http://www.outdoorphotographer.com
- PlayShakespeare.com (วัฒนธรรม) - http://www.playshakespeare.com
- Senso Interiors (การออกแบบ) - http://www.sensointeriors.co.za


หากต้องการจะสร้างเว็บไซด์ "จูมลา!" ช่วยอะไรได้บ้าง ?
"จูมลา!" ได้รับการออกแบบมา ให้ง่ายในการติดตั้ง และตั้งค่าต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ และมีผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งหลายราย ที่มีเมนู "ติดตั้งแค่ปุ่มเดียว" ซึ่งจะใช้งานได้ทันที
เนื่องจาก "จูมลา!" ใช้งานง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบเว็บไซด์ หรือผู้พัฒนาเว็บไซด์ ก็สามารถ สร้างเว็บ ขึ้นมาได ้อย่างรวดเร็ว และเพียงไม่กี่คำสั่ง คุณก็สามารถจะเปิดให้ผู้ใช้งานเว็บไซด์ของคุณ ปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซด์ได้ ด้วยตัวของเขาเอง
แต่ถ้าคุณต้องการการใช้งานที่ซับซ้อนขึ้น "จูมลา!" ก็มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มเติม "ส่วนขยาย" หรือ "extensions" ซึ่งโดยส่วนมาก ให้ใช้งานฟรี ภายในลิขสิทธิ์ GPL และสามารถค้นเพิ่มเติมได้ที่ ส่วน ขยายจูมลา!

จะแน่ใจได้อย่างไรว่า อนาคต "จูมลา!" จะยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ?
"จูมลา!" เป็นโปรแกรมบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซด์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน โดยจะเห็นได้จาก การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก ของเว็บไซด์ที่ใช้ "จูมลา!" หรือเว็บไซด์ที่สอนการใช้งาน หรือเว็บไซด์ของผู้พัฒนาบน "จูมลา!"
นับตั้งแต่ปี 2000 จนถึงปัจจุบัน เรามีชุมชนคนใช้ "จูมลา!" และผู้ให้การสนับสนุน กว่า 200,000 คน ซึ่งเป็นอนาคตที่สดใส ของ โปรแกรม "จูมลา!" โปรแกรมที่ได้รับรางวัล CMS ดีเด่น

ในฐานะนักเขียนโปรแกรมเว็บไซด์ "จูมลา!" จะช่วยอะไรได้บ้าง ?
หลายบริษัท และหลายหน่วยงาน มีความต้องการ เกินกว่าสิ่งพื้นฐานที่โปรแกรม "จูมลา!" มีให้ได้ ในกรณีเช่นนี้ "จูมลา!" ได้วางกรอบในการพัฒนาโปรแกรมไว้แล้ว สำหรับนักเขียนโปรแกรม สามารถที่จะพัฒนาโปรแกรมที่ซับซ้อนของตัวเอง และเพิ่มเติมลงไปได้
กรอบในการพัฒนาโปรแกรม (Joomla! framework) ของ "จูมลา!" จะช่วยให้นักเขียนโปรแกรม ทำงานได้ง่าย และเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเพิ่มเติมใดๆ :
* ระบบจัดการสต๊อก
* แบบรายงานข้อมูลต่างๆ
* โปรแกรมเชื่อมต่อการทำงาน
* แคตตาล๊อกสินค้า
* ระบบอีคอมเมิร์ซครบวงจร
* ระบบรายชื่อธุรกิจที่ซับซ้อน
* ระบบจองตั๋วต่างๆ
* ระบบสื่อสาร
เนื่องจาก "จูมลา!" พัฒนาบน PHP และ MySQL ทำให้โปรแกรมที่คุณเขียน กลายเป็นระบบเปิดมาตรฐาน ที่ให้ผู้อื่นสามารถที่จะใช้งาน แบ่งปัน และช่วยเหลือกันได้ ศึกษา กรอบในการพัฒนาโปรแกรมเพิ่มเติม ได้ที่ เครือ ข่ายนักเขียนโปรแกรมจูมลา!

ดูเหมือน "จูมลา!" จะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเรา แล้วจะเริ่มต้นใช้งานอย่างไร ?
"จูมลา!" เป็นโปรแกรม ฟรี และเปิดกว้างสำหรับทุกคน ภายใน ลิขสิทธิ์ GPL
อ่านทำความเข้าใจโปรแกรมก่อน แล้วลองเข้าไปเล่นโปรแกรมทดสอบดู และคุณจะพบว่า มันช่างใช้งานได้ง่ายดายจริงๆ
หลังจากนั้น ก็ให้ ดาวน์โหลด และติดตั้ง จูมลา! เวอร์ชั่นล่าสุด
แค่นี้ คุณก็ได้จะสัมผัส และใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการเนื้อหาเว็บไซด์ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง

ที่มา : http://www.twebmaster.com/viewArticle.php?id=199

เทคนิคการโจมตีแบบพิชชิ่ง



Phishing ภัยล่าสุดทางอินเตอร์เน็ตใกล้ตัวที่ท่านไม่ควรมองข้าม

Phishing คืออะไร
Phishing (ออกเสียงเหมือนคำว่า Fishing) คือ การหลอกลวงขั้นสูงทางอินเตอร์เน็ตในรูปแบบของการปลอมแปลง
อี เมล์ หรือข้อความที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงินหรือ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อาทิ ข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขประจำตัวผู้ใช้ (User Name) รหัสผ่าน (Password) หมายเลขบัตรประจำตัว

Phishing สร้างกลลวงอย่างไร
Phishing สามารถทำได้โดยการส่งอีเมล์ หรือข้อความที่อ้างว่ามาจากองค์กรต่างๆ ที่ท่านติดต่อด้วย เช่น บริษัทให้บริการ Internet หรือ ธนาคาร โดยส่งข้อความเพื่อขอให้ท่าน "อัพเดท" หรือ "ยืนยัน" ข้อมูลบัญชีของท่าน หากท่านไม่ตอบกลับอีเมล์ดังกล่าว อาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้
เพื่อ ให้อีเมล์ปลอมที่ส่งมานั้นดูสมจริง ผู้ส่งอีเมล์ลวงนี้จะใส่ hyperlink ที่อีเมล์ เพื่อให้เหมือนกับ URL ขององค์กรนั้นๆ จริง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันคือเว็บไซต์ปลอม หรือหน้าต่างที่สร้างขึ้น หรือที่เราเรียกว่า "เว็บไซต์ปลอมแปลง" (Spoofed Website)
เมื่อ ท่านเข้าสู่เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้ ท่านอาจถูกล่อลวงให้กรอกข้อมูลส่วนตัวที่จะถูกส่งไปยังผู้ผลิตเว็บไซต์ลวง เหล่านี้ เพื่อนำข้อมูลของท่านไปใช้ประโยชน์ เช่น ซื้อสินค้า สมัครบัตรเครดิต หรือแม้แต่ทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ในนามของท่าน

ป้องกันต่อต้านอีเมลฉ้อโกง การพิชชิ่ง และการโจรกรรมรหัส
อะไรคือผลกระทบจากพิชชิ่ง?
พิชชิ่งคือการแสร้งว่าส่งอีเมลไปยังผู้ใช้เพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าปรับการทุจริตให้เป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความพยายามเพื่อหลอกล่อให้ผู้ใช่ยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและจะถูกใช้เพื่อโจรกรรมรหัส อีเมล์ดังกล่าวจะนำผู้ใช้ไปยังเวบไซต์ซึ่งจะถามถึงข้อมูลส่วนตัวล่าสุด ตัวอย่างเช่นพาสเวิร์ดและเครดิตการ์ด หมายเลขบัตรประชาชน และหมายเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งบริษัทที่ถูกต้องตามกฏหมายมีเรียบร้อยแล้ว เวบไซต์ หรืออะไรก็ตาม คือเล่ห์เหลี่ยมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อโจรกรรมข้อมูลของผู้ใช้ ดังตัวอย่าง ปีค.ศ. 2004 ได้แสดงถึงจำนวนการต้มตุ๋นด้วยวิธีฟิชชิ่งเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้แต่ละคนได้รับอีเมลที่สมมุติว่าเป็นเมลเรียกค่าปรับมาจากมาสเตอร์การ์ด และแจ้งว่าบัญชีของเขากำลังจะถูกระงับการใช้ชั่วคราว เว้นแต่ว่าเขาจะคลิกไปที่ลิงค์ที่จัดเตรียมไว้และอัพเดทข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลเครดิตการ์ด จากมาสเตอร์การ์ดของพวกเขา เพราะมันค่อนข้างง่ายที่จะสร้างเวบไซต์ที่ดูเหมือนองค์กรที่ถูกต้องตามกฏหมาย โดยการคัดลอก HTML โค้ด และหลอกล่อโดยประเมินจากจำนวนคนที่ถูกหลอก ให้คิดว่าพวกเขาได้รับการติดต่อจากมาสเตอร์การ์ด และได้ถูกนับโดยการติดต่อกับมาสเตอร์การ์ดเวบไซต์เพื่ออัพเดทข้อมูลบัญชีของพวกเขา การล่อลวงคนกลุ่มใหญ่ นักพิชเชอร์จะประเมินจากอีเมลที่ถูกเปิดอ่าน จากเปอร์เซนต์ของผู้มีบัตรมาสเตอร์การ์ด
พิชชิ่งมักจะอ้างอิงถึงยี่ห้อที่ล้อเลียนของจริงและบัตรต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพิชชิ่ง ขึ้นอยูู่่กับเหยื่อที่หมายตาไว้ ในขณะที่ส่วนมากมักจะปล่อยเหยื่อไปถ้าไม่มีการตอบรับ แต่บางทีก็จะไม่ละความพยายามที่จะหลอกลวง

ที่มา http://www.spamfighter.com/lang_TH/phishing.asp

Spoofing attack [English]


Man-in-the-middle attack and internet protocol spoofing
An example from cryptography is the man-in-the-middle attack, in which an attacker spoofs Alice into believing the attacker is Bob, and spoofs Bob into believing the attacker is Alice, thus gaining access to all messages in both directions without the trouble of any cryptanalytic effort. The attacker must monitor the packets sent from Alice to Bob and then guess the sequence number of the packets. Then the attacker knocks out Alice with a SYN attack and injects his own packets, claiming to have the address of Alice. Alice's firewall can defend against some spoof attacks when it has been configured with knowledge of all the IP addresses connected to each of its interfaces. It can then detect a spoofed packet if it arrives at an interface that is not known to be connected to the IP address. Many carelessly designed protocols are subject to spoof attacks, including many of those used on the Internet. See Internet protocol spoofing
URL spoofing and phishing
Another kind of spoofing is "webpage spoofing," also known as phishing. In this attack, a legitimate web page such as a bank's site is reproduced in "look and feel" on another server under control of the attacker. The main intent is to fool the users into thinking that they are connected to a trusted site, for instance to harvest user names and passwords. This attack is often performed with the aid of URL spoofing, which exploits web browser bugs in order to display incorrect URLs in the browsers location bar; or with DNS cache poisoning in order to direct the user away from the legitimate site and to the fake one. Once the user puts in their password, the attack-code reports a password error, then redirects the user back to the legitimate site.

Link to : http://en.wikipedia.org/wiki/Main_Page

ความรู้เบื้องต้นเรื่องลายนิ้วมือ

ลายนิ้วมือถือเป็นไบโอเมทริคประเภทหนึ่งที่นิยมเอามาใช้เมื่อเปรียบเทียบกับไบโอเมทริคประเภทอื่น
ลายนิ้วมือประกอบด้วยเส้นสองลักษณะคือ

1) เส้นนูน (Ridges) คือ เส้นที่เป็นรอยนูนเหนือส่วนผิวหนังชั้นนอ
2) เส้นร่อง (Furrows) คือ ส่วนลึกที่ไม่เกิดการนูน อยู่ในระดับต่ำกว่าเส้นนูน
หากเรามองดูที่นิ้วมือของเราจะเห็นเส้นนูนเป็นเส้นขาวที่นูนขึ้นมา ส่วนเส้นร่องเป็นเส้นที่มีสีผิวหนัง โดยกดนิ้วมือลงไปในน้ำหมึกส่วนที่นูนจะสัมผัสหมึกพิมพ์ ส่วนร่องจะไม่สัมผัสหมึกเพราะอยู่ลึกกว่า เมื่อประทับลงไปจะปรากฏลายเส้นสีดำของเส้นนูน และส่วนว่างที่เป็น

สีกระดาษ(สีขาว) ถึงแม้ลายนิ้วมือของแต่ละคนจะไม่ซ้ำกัน แต่ก็ส่วนประกอบคล้ายคลึงกันอยู่
ส่วนประกอบของลายนิ้วมือที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมีอยู่ 4 ข้อด้วยกันคือ

1) เส้นขอบ (Type Line) คือเส้นคู่ขนานในสุดจากด้านหนึ่งของลายนิ้วมือ ซึ่งได้ขนานกันมาช่วงหนึ่งแล้วแยกออกเพื่อทำการโอบล้อมพื้นที่ลายนิ้วมือที่อยู่ภายในแล้วอาจลับมาขนานกันในอีกด้านหนึ่งหรือแยกออกจากกัน

2) สันดอน (Delta) คือ ลายเส้นในลายนิ้วมือที่อยู่ใกล้ที่สุดกับกึ่งกลางปากทางแยกของเส้นขอบ

3) จุดใจกลาง (Core Point) คือ จุดใดจุดบนปลายเส้น บนบ่า หรือไหล่ของเส้นวกกลับวงในสุดโดยต้องอยู่ในบริเวณลายนิ้วมือที่อยู่ภายใน

4) บริเวณลายนิ้วมือที่อยู่ภายใน (Pattern Area) คือพื้นที่บริเวณภายในของลายนิ้วมือที่ถูกเส้นขอบโอบล้อม

ที่มา
itnet.rsu.ac.th/surachai/csc437/document/csc437set2.doc

ไบโอเมทริค (Biometrics)


การยืนยันตัวบุคคลมีไว้สำหรับการตรวจสอบเพื่อทำการเข้าถึงสิ่งที่สำคัญที่ทำการป้องกันไว้ โดยการยืนยันตัวบุคคลมักเป็นข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น รหัสอักษร คีย์การ์ด และแม้กระทั่งข้อมูลที่มาจากตัวมนุษย์เอง นั่นคือ ข้อมูลไบโอเมทริค โดยไบโอเมทริค คือข้อมูลวิทยาศาสตร์เชิงชีวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละบุคคล ติดตัวอยู่กับบุคคลนั้นเสมอ ดังนั้นไบโอเมทริคจึงมักถูกใช้ในยืนยันตัวบุคคล (Identification) [15] ในการป้องกันภัยระดับสูง นอกจากนั้นไบโอเมทริคยังใช้ในการตรวจสอบระบุตัวบุคคล (Verification) [16]เพื่อหาผู้กระทำผิดด้านอาชญากรรม

คุณลักษณะของไบโอเมทริค

1) เป็นข้อมูลที่มาจากตัวบุคคลนั้นเองจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
2) เป็นข้อมูลที่มีและความปลอดภัย
3) เป็นข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบได้

ประเภทของไบโอเมทริค ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1) ข้อมูลทางชีวภาพในเชิงกายภาพ เช่น ลักษณะของใบหน้า (Face),ลายพิมพ์นิ้วมือ (Fingerprint) เป็นต้น
2) ข้อมูลทางชีวภาพในเชิงพฤติกรรม เช่น เสียงพูด (Speech), ลายมือชื่อ(Signature) เป็นต้น
3.) ข้อมูลทางชีวภาพในเชิงเคมี เช่น กลิ่น, ส่วนประกอบต่างๆในเหงื่อ, รหัสทางพันธุกรรม (DNA) เป็นต้น

ที่มา itnet.rsu.ac.th/surachai/csc437/document/csc437set2.doc

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำเงินบนโลกไอที (23) : แตกต่างด้วย QR Code


หลายคนสงสัยว่าภาพกราฟฟิกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวดำแปลกตาในนิตยสารหรือในห่อขนมนั้นคืออะไร มีประโยชน์อะไร และสามารถนำไปต่อยอดได้อย่างไร ทำเงินบนโลกไอทีสัปดาห์นี้จะมาตอบคำถามเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงวิธีที่คุณเองจะมี QR Code ของตัวเองไว้ได้ง่ายๆ ซึ่งนี่เองคือหนทางที่อาจทำให้หลายธุรกิจสร้าง brand ได้ในเวลาไม่กี่นาที


***สร้าง brand ให้แตกต่างด้วย QR Code
(บทความโดย ปภาดา อมรนุรัตน์กุล @goople)


QR Code ฟังชื่อนี้แล้ว หลายๆ คนอาจะยังไม่คุ้นเคยกับมันเท่าไรนัก แต่จริงๆ แล้ว QR Code เกิดขึ้นมานานมากแล้วตั้งแต่ปี 1994 ในประเทศญี่ปุ่น ผู้ผลิตคือ บริษัท Denso-Wave แล้วเจ้า QR Code มันคืออะไร มันคือ บาร์โคดแบบ 2 มิติ (2D BarCode) ย่อมาจาก “Quick Response” หรือการตอบสนองอย่างรวดเร็ว อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ที่ญี่ปุ่นนั้น ทำงานอะไรต้องคล่องแคล่ว ว่องไว และทันสมัยในทุกๆ เรื่อง เจ้า QR Code ก็สามารถตอบสนองในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นนาทีนี้ คือ ถุงขนม, หนังสือ หรือป้ายร้านข้างทางต่างมีสัญลักษณ์แบบนี้ไว้เพื่อให้ประชาชนสามารถ scan เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องการได้ในทันที ที่สำคัญ QR Code กลายเป็นเครื่องมือการตลาดชั้นยอดทั้งใน magazine หรือ Bill board

ในประเทศไทยเราเองก็ไม่น้อยหน้า เริ่มเห็นมีการใช้ QR Code กันบ้างแล้ว (แม้จะช้ากว่าที่ญี่ปุ่นเป็นสิบปีก็ตาม >.<) คนไทยหลายคนได้พบเห็น QR Code จากห่อขนมที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว บางคนได้อ่านนิตยสารที่มี QR Code ทั้งเล่มซึ่งเป็น Free magazine รายเดือน, ได้ร่วมงานอีเวนท์ที่ติดป้ายชื่อของผู้เข้าร่วมงานทุกคนด้วยรหัส QR Code, ได้เห็นแคมเปญ “Fun Living Lifestyle” ที่ Truemove ใช้ QR Code มาเป็นสีสันเพื่อแจก iphone และยังสามารถใช้ QR Code ได้ทั้งที่สยามและหัวหินอีกด้วย อุปกรณ์ที่ต้องมีในการอ่าน QR Code ก็คือ โทรศัพท์มือถือติดกล้อง และ application ที่ใช้ในการอ่าน QR Code ซึ่งแต่ละ application นั้นในหน้าเว็บจะมีบอกคุณสมบัติว่ามือถือรุ่นใดสามารถใช้งานได้บ้าง ซึ่ง application QR Code reader ที่นิยม download มาติดตั้งลงบนมือถือ ให้มือถือธรรมดากลายเป็นเครื่องสแกน QR Code เลยก็คือ 1.Kaywa โดยตรวจสอบรุ่นโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ ที่ http://reader.kaywa.com/getit และ download ได้ที http://reader.kaywa.com 2.Quickmark ตรวจสอบและdownload ได้ที่ http://www.quickmark.com/tw/en/basic/download.asp 3.I-nigma ตรวจสอบรุ่นโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ ที่ http://www.i-nigma.com/personal/devices.asp และ download ได้ที่ http://www.i-nigma.com/personal/getreader.asp 4.Jaxo system โดยตรวจสอบรุ่นโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานได้ ที่ http://www.jaxo-systems.com/download/index.php?lang=en_US&app=barsnap download ได้ที http://www.jaxo-systems.com/download/index.php?lang=en_US 5.Active print download ได้ที่ http://www.activeprint.org/download.html สำหรับผู้ใช้ Blackberry แล้วต้องการจะลงโปรแกรม QR Code นั้น ขอแนะนำโปรแกรม BeeTagg เพราะสะดวกและใช้งานง่าย มีแต่ยังมีข้อเสียคือ ไม่สามารถอ่าน QR Code ที่เป็นภาษาไทยได้ หรือ โปรแกรม upCode ที่สามารถใช้ได้กับ blackberry บางรุ่นเท่านั้น น่าดีใจที่เทคโนโลยี QR Code นี้ได้ถูกบรรจุไว้อยู่ในเครื่อง BlackBerry เวอร์ชันใหม่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการทำ BB Pin ให้เครื่อง BB ด้วยกันสามารถ Scan Pin BB ได้อัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจำรหัส Pin ให้ยุ่งยากอีกต่อไป ถ้าไม่ต้องการลงโปรแกรมเลย ก็สามารถใช้ตัว Scan BarCode ที่มีมาให้อยู่แล้วในเครื่อง Blackberry ได้เลย แต่ในรุ่น Curve 8520 นั้น กล้องจะ focus ไม่ดีทำให้อ่าน QR Code ยากสักนิดค่ะ สำหรับผู้ที่ใช้ iPhone แนะนำโปรแกรม Quickmark หรือ i-nigma เพื่อใช้งานในการอ่าน QR Code ต่างๆ เราสามารถทำตัวของเราให้เป็น QR Code ได้ด้วยการเข้าสู่เว็บไซต์หลายแห่ง เช่น QRCode.kaywa.com/, http://www.QRstuff.com/ หรือ http://zxing.appspot.com/generator/ โดยการทำ QR Code นั้นส่วนใหญ่จะมีลักษณะ 4 แบบให้เลือกคือ URL, Text, Phone Number และ SMS แต่สำหรับ http://zxing.appspot.com/generator/ จะเจ๋งกว่าตรงที่สามารถสร้างเป็น contact information หรือข้อมูลแทนนามบัตรทั้งใบได้เลยใน QR Code เดียว หากคุณมี QR Code ของตัวเอง คุณจะไม่เพียงสามารถนำ QR Code ไปใช้ในการบอกชื่อเว็บไซต์ หรือบอกความเป็นตัวคุณไม่ต่างจากนามบัตรเท่านั้น แต่ยังสามารถเอาไปใช้ร่วมกับ 4square ซึ่งเป็นบริการให้ข้อมูลท้องถิ่นหรือ Location-based service ที่มาแรงมาในขณะนี้อีกด้วย ซึ่งหากระบบพบ QR Code ในสถานที่ใดที่เป็นป้าย 4square อยู่ ผู้ใช้ก็สามารถ check-in ได้ทันที โดยวิธีการให้ลูกค้า Check-in นั้นมีหลายวิธี เช่น พิมพ์ QR -Code ออกมาแปะไว้ในร้าน ให้คนที่มารู้แล้วสามารถ Check-in ได้ ผู้สนใจสร้าง QR-Code ของหน้าร้านหรือธุรกิจของตัวเอง ต้องไป "เพิ่มสถานที่ Add venue" ของสถานที่ก่อน แล้วไปที่เว็บ http://QRcheck.in/ แล้วใส่ Venue ID ของเราลงไป ระบบจะสร้าง QR-Code ให้ทันที QR Code ที่ดีนั้น ไม่ควรนำมาจัดวางติดกันมากเกินไป เพราะจะทำให้เวลา Scan BarCode ขัดข้อง และถ้าถามว่า QR Code ที่มีอยู่นี้ ดูไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะเราไม่สามารถอ่านด้วยตาเปล่าต้องใช้โปรแกรมอ่านเท่านั้น จึงจะรู้ว่า QR Code ที่ว่าหมายถึงอะไร ดังนั้นในปัจจุบันได้มีการพัฒนาขึ้นอีกแล้วค่ะ โดยการใช้เทคโนโลยี image หรือที่เรียกกันว่า ColorCode ซึ่งเป็นการอ่านสัญลักษณ์ของภาพที่ไม่ใช่ ขาว-ดำ อีกต่อไป และยังสามารถสร้าง brand ให้กับแต่ละบริษัทได้ดีมากขึ้นอีกด้วย แต่จะเข้ามาในประเทศไทยอีกเมื่อไรนั้น คงติดตามกันต่อไป เพราะ QR Code แบบธรรมดา ก็เพิ่งจะมีกระแสมาแรงในช่วงนี้เท่านั้นเอง เอาง่ายๆ ตอนนี้ ถ้าเราจะใช้ QR Code ก็ลองใช้ความสามารถที่เป็นลักษณะการเขียนข้อความลงไป แล้วส่งข้อความไปบอกรักใครสักคนผ่าน QR Code ในวันวาเลนไทน์นี้ดูกันก่อนไหมค่ะ ทำได้ตามโปรแกรมข้างต้นเลย ทดลองทำ QR Code บอกรักแฟนแบบเท่ห์ๆ เก๋ๆ ไม่ซ้ำใครกันดูนะคะ ^__^ ขอให้สมหวังในรักและธุรกิจที่ทำค่ะ …. ที่มา http://www.norsorpor.com/

"เฟสบุ๊ก" ทางหลวงแฮกเกอร์




บริษัทรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ระบุ เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟสบุ๊ก (Facebook) กลายเป็นช่องทางจู่โจมระบบเครือข่ายอย่างหนักตลอดปี 2009 โดยภัยโปรแกรมประสงค์ร้าย (มัลแวร์) และอีเมลขยะในเครือข่ายสังคมเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 70% คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2008 ที่สำคัญ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยกให้เฟสบุ๊กเป็นบริการที่มองว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลก

บริษัทโซโฟส (Sophos) เผยแพร่รายงานการศึกษาระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายสังคมนี้ในชื่อ Social Security ระบุว่าผู้ใช้กว่า 57% เคยเป็นเหยื่ออีเมลขยะทางเครือข่ายสังคม สูงกว่า 36% ที่ระบุว่าเคยได้รับโปรแกรมประสงค์ร้าย ถือเป็นอัตราที่สูงมากและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย Social Security เป็นส่วนหนึ่งของรายงานภัยคุกคามประจำปี 2010 ที่ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า 2010 Security Threat Report

ในรายงานระบุว่าความนิยมเครือข่ายสังคมของผู้ใช้คอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งดึงดูดใจนักแฮกผู้หวังจะเจาะระบบ ทั้งระยะเวลาการใช้งานเครือข่ายสังคมที่นานขึ้น ความนิยมในการแบ่งปันข้อมูล รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่สามารถนำไปจำหน่ายขายทอดตลาดได้

เกรแฮม คลูเลย์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเทคโนโลยีของโซโฟสระบุว่านักแฮกจำนวนมากสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการนำข้อมูลบนเครือข่ายสังคมไปขาย โดยบอกว่าอัตราการจู่โจมของภัยออนไลน์บนเครือข่ายสังคมที่เพิ่มขึ้นชัดเจนในปีที่แล้ว เป็นสิ่งที่ชี้ว่าผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมและผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลกจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อจัดการภัยออนไลน์ในอนาคต

โซโฟสสำรวจบริษัทในสหรัฐฯราว 500 แห่งเพื่อศึกษาความเสี่ยงในองค์กร พบว่า 72% ล้วนเป็นห่วงว่าพฤติกรรมเสพติดเครือข่ายสังคมของพนักงานจะทำให้ระบบไอทีของบริษัทอยู่ในความเสี่ยง โดย 49% ยังคงยอมให้พนักงานเล่นเว็บอย่าง Facebook และเครือข่ายสังคมอื่นๆได้อย่างเสรี แม้ว่าภัยออนไลน์นานาชนิดทั้งมัลแวร์ อีเมลขยะ ฟิชชิ่ง และการขโมยตัวตนจะมีสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องก็ตาม

การสำรวจของโซโฟสมีคำถามล่อเป้าว่าบริษัทเหล่านี้มองว่าบริการเครือข่ายสังคมใดที่มีความเสี่ยงสูงสุด กว่า 60% เทคะแนนให้เฟสบุ๊ก จุดนี้คลูเลย์ระบุว่าเป็นเพราะเฟสบุ๊กคือเครือข่ายสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงเป็นธรรมดาหากเฟสบุ๊กจะมีภัยออนไลน์มากกว่าบริการค่ายอื่น

ขณะนี้เฟสบุ๊กรับรู้ความจริงนี้และลงมือปราบปรามภัยออนไลน์บนเว็บเฟสบุ๊กอย่างจริงจัง โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เฟสบุ๊กประกาศล้างบางคอมพิวเตอร์ติดไวรัสและมัลแวร์ด้วยการดึงบริษัทผลิตซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่างแมคอาฟี่ (McAfee) มาให้บริการสแกนไวรัสด้วยซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย McAfee Internet Security Suite ได้ฟรีเป็นเวลา 6 เดือนแก่สมาชิกเฟสบุ๊กกว่า 350 ล้านชื่อทั่วโลก และจะได้รับส่วนลดพิเศษหากต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ไว้ใช้หลังจากหมดระยะเวลาทดลอง

จุดประสงค์หลักของโครงการนี้คือเฟสบุ๊กต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของสมาชิก และหนึ่งในมาตรการที่นำมาใช้คือการกวาดล้างคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสด้วยเทคโนโลยีของแมคอาฟี่ โดยโครงการนี้จะประเดิมกับสมาชิกในบางประเทศก่อน เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน ฝรั่งเศส แคนาดา แมกซีโก และบราซิล ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆต่อไป

นอกจากเฟสบุ๊ก โซโฟสแสดงความเป็นห่วงบริการเครือข่ายสังคมเพื่อการหางานและการทำความรู้จักด้านธุรกิจอย่าง LinkedIn ด้วย โดยอธิบายว่านักแฮกมองเครือข่ายสังคมประเภทนี้ว่าเป็นแหล่งที่อุดมด้วยข้อมูลแท้จริงมากกว่าเครือข่ายสังคมเพื่อความสนุกสนานทั่วไป แถมนักแฮกบางประเภทยังหวังผลหลอกลวงในขั้นที่หนักขึ้น เช่นการส่งอีเมลหลอกลวงประชาชนว่าบริษัทตอบรับเข้าทำงานแล้ว ซึ่งจะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นในแบบที่ยากจะจินตนาการ

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

'Google' ประกาศ เลิกรองรับ' IE6' มี.ค.นี้

'Google' ประกาศ เลิกรองรับ' IE6' มี.ค.นี้




สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่า Google ประกาศเลิกรองรับเบราว์เซอร์ Internet Explorer 6 หรือ IE6 เนื่องจาก ความพัฒนาและก้าวหน้าของเทคโนโลยี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป โดยจะเริ่มยกเลิกใช้ สำหรับ Google Docs และ Google Sites เป็นอันดับแรก ซึ่งจะส่งผลให้บางฟังก์ชั่นไม่สามารถใช้งานได้

ด้าน Microsoft ระบุว่า จะทำการปรับปรุงเบราว์เซอร์ รวมถึงอัพเดทการรักษาความปลอดภัย ให้เร็วที่สุดภายใน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แม้ จะไม่สามารถใช้ IE6 ต่อไปใช้ ผู้ใช้สามารถเลือก เบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังข่าวยังระบุว่า Gmail และ Google Calendar อยู่ในรายการต่อไป ที่จะเลิกสนับสนุน IE6 เช่นเดียวกัน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/tech/62115

เกมส์ออนไลน์สตีม 6 ปี ยอดผู้ใช้ทะลุ 25 ล้าน

เกมส์ออนไลน์สตีม 6 ปี ยอดผู้ใช้ทะลุ 25 ล้าน







วาล์ว ซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเกม ฮาล์ฟ ไลฟ์ เปิดเผยความสำเร็จของช่องทางจำหน่ายคอนเทนต์ออนไลน์ผ่านระบบสตีม ที่เตรียมจะครบอายุ 6 ปี มีผู้ใช้มากกว่า 25 ล้านคน มีการดาวน์โหลดเกมไปมากกว่า 1,000 เกม

ระบบออนไลน์สตีม ของ "วาล์ว ซอฟต์แวร์" จะมีอายุครบ 6 ปีในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ตลอดระยะเวลา 6 ปี สตีมเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและแพร่หลาย สะท้อนการเติบโตของตลาดเกมดิจิตอลได้เป็นอย่างดี

วาล์ว ซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเกมฮาล์ฟไลฟ์ และเคาเตอร์ สไตร์ค ระบุว่าสิ้นปี 2009 มียอดผู้ใช้ลงทะเบียนมากกว่า 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซนต์จากปี 2008 มีผู้ใช้ 10 ล้านคนที่สร้างโปรไฟล์ข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์คอมมิวนิตี้บนระบบสตีม

ออนไลน์สตีม เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม ปี 2003 ในฐานะของช่องทางที่ใช้สำหรับอัพเดตแพทซ์เกมจากค่ายวาล์ว ซึ่งก็ได้มีการพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ที่สตีมได้กลายเป็นช่องทางจำหน่ายเกมในรูปแบบดิจิตอลบนเครื่องพีซี ที่ประกอบด้วยฟีเจอร์อำนวยความสะดวกอย่าง ระบบหน้าร้าน , ฟีเจอร์คอมมิวนิตี้ และการเล่นเกม

วาล์ว ระบุว่าจำนวนยอดขายซอฟต์แวร์บนสตีมในปี 2009 เพิ่มสูงขึ้นถึง 205 เปอร์เซนต์ นับเป็นปีที่ห้าติดต่อกันที่ยอดขายเกมเติบโตขึ้นมากกว่า 100 เปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามวาล์วไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดตัวเลขออกมาแต่อย่างใด

ระบบสตีม เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการสะท้อนได้ว่าช่องทางการจำหน่ายเกมในรูปแบบดิจิตอลเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับบริษัทเกมหลายแห่งหันมาใช้ช่องทางสตีมในการจำหน่ายเกมเพิ่ม อย่างไรก็ตามรายได้หลักยังคงอยู่กับการจำหน่ายเกมแบบกล่องตามร้านค้าปลีก ซึ่งร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง "เกมสต๊อบ" ได้เห็นความสำคัญของคอนเทนต์ดิจิตอล และเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อเข้ามาในธุรกิจคอนเทนต์ดิจิตอลอย่างเต็มตัว

วาล์ว เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่าในเดือนธันวาคม ปี 2009 มีผู้ใช้งานเข้ามาพร้อมกันถึง 2.5 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้ใช้เข้าไปดาวน์โหลดเกมผ่านสตีมมากกว่า 1,000 เกม จากกว่า 100 ผู้พัฒนาเกม ไม่ว่าจะเป็นทีมพัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง อีเอ , แอคติวิชัน หรือทีมพัฒนาอินดี้ที่มีคนทำเกมเพียงคนเดียว

ที่มา www.norsorpor.com