Music Hit In your life

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

โฆษณา Motherboard ของ GIGABYTE หมึกพอล เลือก...





The Psychic Octopus Paul Chooses GIGABYTE H55 Motherboards

วันนี้ ลองเปลี่ยน บรรยากาศมาชมคลิปวีดีโอเก๋ๆ ของเมนบอร์ด GIGABYTE
ที่รองรับ  USB 3.0 ด้วย

เรื่องราวของ SATA3 หรือ SATA6Gb/s

ผลการทดสอบ Barracuda XT ฮาร์ดดิสก์ SATA 6Gb/s ตัวแรกจาก Seagate


ฮาร์ดดิสก์คือ 1 ในอุปกรณ์สำคัญของเครื่องพีซีมีที่ไม่ค่อยจะมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอะไรให้เห็นบ่อยนัก เพราะอย่างเช่นการบันทึกข้อมูลในแนวดิ่งที่เป็นพัฒนาการล่าสุดที่ทำให้ฮาร์ดดิสก์สามารถบันทึกข้อมูลได้มากขึ้นก็มีฮาร์ดดิสก์ตัวแรกออกมาตั้งแต่ปี 2006 หรือหากเป็นเรื่องของการอินเทอร์เฟสที่เป็นแบบ SATA ก็ใช้งานมากว่า 5 ปีแล้ว แต่อย่างไรก็ดีในการเข้าสู่ยุคที่ 2 เมื่อปี 2005 การเชื่อมต่อแบบนี้ก็ได้ทำให้ฮาร์ดดิสก์ดูมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนทีเดียว 


แต่ในที่สุดเมื่อประมาณพฤษภาคมที่ผ่านมา SATA-IO ซึ่งเป็นผู้ดูแลข้อกำหนดของมาตรฐานนี้ ก็ได้มีการนำเอารายละเอียดที่เป็นข้อกำหนดของการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน SATA เวอร์ชันใหม่ออกมา หลังจากที่มีข้อกำหนดฉบับร่างออกมาเมื่อปีแล้ว โดยสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน SATA ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคที่ 3 นี้ก็คือ ความเร็วในการเชื่อมต่อที่มีสูงถึง 6Gb/s หรือมากกว่าการเชื่อมต่อในปัจจุบันนี้ที่มีความเร็ว 3Gb/s ถึงสองเท่าตัว ในขณะเดียวกันก็ได้มีการปรับปรุง Native Command Queuing ขึ้นใหม่ เพื่อให้สามารถทำงานกับแอพพลิเคชันที่ใช้แบนด์วิดธ์สูงๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วย
 
Barracuda XT: ฮาร์ดดิสก์ SATA 6Gb/s ตัวแรกจาก Seagate
หลังจากที่มีการกำหนดรายละอียดสำหรับการเชื่อมต่อด้วยมาตรฐาน SATA เวอร์ชัน 3.0 ออกมาประมาณ 5 เดือน Seagate ก็ได้มีการเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ Barracuda XT ออกสู่ตลาดด้วยการเป็นฮาร์ดดิสก์แบบแผ่นจานแม่เหล็กขนาด 3.5 นิ้วตัวแรกของโลกที่ใช้มาตรฐาน SATA 6Gb/s พร้อมกับจัดให้เป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเร็วที่สุดสำหรับเครื่องพีซีเดสก์ทอปในปัจจุบัน
ฮาร์ดดิสก์ Barracuda XT นี้จะยังคงหมุนแผ่นจานแม่เหล็กด้วยความเร็ว 7,200 รอบต่อนาทีและใช้เทคโนโลยีการบันทึกที่เป็นแบบเดิมทุกอย่าง โดยความจุ 2TB ของมันนั้นจะได้จากการใช้แผ่นจานแม่เหล็กที่บันทึกข้อมูลได้อย่างหนาแน่นจำนวน 4 แผ่น และถึงแม้ว่ามันจะถูกออกแบบให้มีหน่วยความจำขนาดใหญ่ถึง 64MB แต่เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ก็จะไม่ใช่จุดเด่นที่สำคัญอะไร เนื่องจากมันก็สามารถพบเห็นได้จากฮาร์ดดิสก์จากผู้ผลิตรายอื่นเช่นกัน ดังนั้นประสิทธิภาพจากฮาร์ดดิสก์ Barracuda ที่คาดหวังได้จริงๆ จึงมีเพียงแค่การเชื่อมต่อด้วยพอร์ต SATA ความเร็ว 6Gb/s และฟีเจอร์ NCQ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เท่านั้น

คอนโทรลเลอร์: มีเมนบอร์ดหลายรุ่นสนับสนุนการทำงาน
    ถึงแม้ว่าจะมีฮาร์ดดิสก์ Barracuda XT ที่สนับสนุน SATA 6Gb/s ออกมาแล้ว แต่ในการเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดของการเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงนี้ก็ปรากฎว่ายังไม่มีชิปเซ็ตของผู้ผลิตรายใดที่สนับสนุนการทำงานเลย แม้กระทั่งอินเทลที่เป็นสมาชิกสำคัญของ SATA-IO ก็ยังมีเฉพาะชิปเซ็ตที่สนับสนุนการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์ SATA ที่มีความเร็ว 3Gb/s เท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีผู้ผลิตเมนบอร์ดรายสำคัญก็มีทางออกสำหรับการเชื่อมต่อนี้แล้ว โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก Marvell ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเพียงรายเดียวในเวลานี้ที่มีการผลิตคอนโทรลเลอร์สำหรับฮาร์ดดิสก์ SATA 6Gb/s ออกมา

สำหรับ Netbook Intel เปิดเผยส่วนประกอบของ Cedar-Trail M platformโดยยังคงใช้ Chipset NM10, Tigerpoint chipset เช่นเดิม


ซึ่ง NM10 นั้นเป็น Chipset รุ่นเดียวกับ Platform ก่อนหน้านี้ โดยทาง Intel ไม่อนุญาติให้ผู้ผลิต third party นำ USB 3.0 และ SATA 6 Gb/s controllers ลงบน Platform นี้ซึ่งจะทำให้เรายังไม่สามารถที่จะมี USB 3.0 และ SATA 6 Gb/s ใน netbook รุ่นต่อไปอย่างแน่นอน

โดเมน (.ไทย) โดเมนแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นแล้วววว

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ผู้ใช้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในไทยกว่า 20 ล้านคน  จะมีโอกาสตั้งโดเมน ในชื่อดอทไทยเป็นครั้งแรก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


การสื่อสารบนโลกอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย แต่อุปสรรคเรื่องภาษาอังกฤษ อาจทำให้การเข้าถึงเว็บไซต์ไม่ได้ตามที่ต้องการ

มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย ในฐานะศูนย์บริการจดทะเบียนชื่อโดเมนของไทย  จึงเริ่มทดลองให้บริการชื่อโดเมนดอทไทย  โดยใช้เวลา 4 ปี เพื่อศึกษาและขอนุญาตจากองค์กรบริหารอินเตอร์เน็ตโลก จนวันนี้ คนไทยสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆที่จดทะเบียนโดเมน  ภายใต้ดอท ทีเอช เป็นภาษาไทยและลงท้ายดอทไทยได้
การให้บริการครั้งนี้ ไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มเติม  ซึ่งจะทำให้เจ้าของชื่อโดเมน   มีได้ทั้งชื่อ ดอททีเอชและดอทไทยด้วย  เพียงชื่อที่จดทะเบียน  ต้องสอดคล้องกัน ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ thnic.or.th

โดเมน .ไทย จะแบ่งช่วงการเปิดให้บริการระยะเริ่มต้นตามลำดับดังนี้ :
  1. วันที่ 16 ธันวาคม 2553 - 30 ธันวาคม 2553
    ผู้ถือครองชื่อโดเมนภาษาไทยภายใต้ .th (IDN.th) ก่อนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 จะได้รับชื่อโดเมนภายใต้ .ไทย ในชื่อเดียวกันโดยอัตโนมัติ โดยจะมีการเพิ่มชื่อโดเมนระดับที่สอง ตามหมวดหมู่ในข้อ 5.10.1 ทั้งนี้ชื่อโดเมน .ไทย จะเพิ่มเข้าสู่บัญชีบริหารชื่อโดเมนของท่านโดยตรง
  2. วันที่ 11 มกราคม 2554 - 10 มีนาคม 2554
    เปิดให้ผู้ถือครองชื่อโดเมนภาษาอังกฤษภายใต้ .th ก่อนวันที่ 16 พฤศจิกายน 2553 ที่ยังไม่ได้ถือครอง ชื่อโดเมนภาษาไทยภายใต้ .th (IDN.th) สามารถขอจดทะเบียนชื่อโดเมนภายใต้ .ไทย ได้
  3. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป
    เปิดให้จดทะเบียนชื่อโดเมนภายใต้ .ไทย โดยทั่วไป

ที่ีมา :

สุดยอด!! แว่นสายตาอัจฉริยะใช้เลนส์ไฟฟ้าปรับโฟกัสได้เอง



          ปัญหาสายตาสั้น-ยาวของมนุษย์ยุคไอทีในปัจจุบันนี้แทบจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว ทว่า แว่นสายตาซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาแก้ปัญหาดังกล่าวก็ยังมีข้อจำกัดด้านความคงที่ทำให้มนุษย์โรคสายตาทั้งหลายต้องตัดแว่นกันใหม่อยู่เป็นประจำทุกปีสองปี

บริษัทพิกเซลออพติกส์ ผู้ถือครองสิทธิบัตรเทคโนโลยี "emPower!" คิดค้นโดยคณะนักวิจัยสมองใสจากมหาวิทยาลัยอริโซนา ของสหรัฐ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปลดเปลื้องข้อจำกัดดังกล่าวของแว่นสายตา ด้วยคุณสมบัติเด่นสามารถใช้ไฟฟ้าปรับโฟกัสได้อัตโนมัติ โดยอาศัยชั้นของสารเคมีประเภทคริสตัลเหลว ซึ่งถูกประกบไว้ด้วยแผ่นกระจกใส 2 ชิ้น ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการใช้ประจุไฟฟ้า เพื่อปรับองค์ประกอบและปัจจัยสำหรับโฟกัสใหม่ที่ต้องการผ่านการจัดเรียงตัวของโมเลกุลคริสตัลเหลว

ผู้ใช้สามารถปรับโฟกัสได้เองด้วยการใช้นิ้วมือแตะที่ขาแว่นภายในบรรจุเซ็นเซอร์และแบตเตอรี่ที่สามารถเติมประจุได้แบบไร้สาย ใช้เวลาเพียง2-3 ชั่วโมง และใช้ได้นานสูงสุด 72 ชั่วโมง นวัตกรรมดังกล่าวจัดเป็น "แว่นสายตาไฟฟ้าอันแรกของโลก" ถูกบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเรียบร้อย ก่อนจะขายต่อให้กับพิกเซลออพติกส์ ซึ่งวางแผนจะนำนวัตกรรมแว่น emPower! กว่า 36 แบบ ออกวางจำหน่ายภายในปีนี้ ส่วนราคาอยู่ที่ราว 30,000-37,000 บาทต่ออัน (ยังไม่รวมภาษีนำเข้าสารพัดและภาษีมูลค่าเพิ่ม)



ที่มา : http://www.khaosod.co.th/

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

Cloud Computing (TH)


Cloud Computing คือวิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบCloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้ ทั้งนี้ระบบสามารถเพิ่มและลดจำนวนของทรัพยากร รวมถึงเสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยว่าการทำงานหรือเหตุการณ์เบื้องหลังเป็นเช่นไร




  • บริษัทการ์ตเนอร์ Gartner ได้ให้นิยามว่า “Cloud computing is a style of computing where massively scalable IT-related capabilities are provided ‘as a service’ across the Internet to multiple external customers” หรือ ระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆคือ แนวทางการประมวลผลที่พลังของโครงสร้างทางไอทีขนาดใหญ่ที่ขยายตัวได้ถูกนำเสนอยังลูกค้าภายนอกจำนวนมหาศาลในรูปแบบของบริการ
  • ฟอเรสเตอร์กรุ๊ป ได้นิยามว่า “ cloud computing: A pool of abstracted, highly scalable,and managed infrastructure capable of hosting end-customer applications and billed by consumption” หรือ กลุ่มของโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกบริหารจัดการและขยายตัวได้อย่างมาก ซึ่งมีขีดความสามารถในการรองรับโปรแกรมประยุกต์ต่างๆของผู้ใช้และเก็บค่าบริการตามการใช้งาน


การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆจะมีโครงสร้างดังนี้
  • กลุ่มเมฆของเซอร์ฟเวอร์ (cloud server) ซึ่งเป็นเซอร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลนับหมื่นนับแสนเครื่องที่ตั้งอยู่ในที่เดียวกัน กลุ่มเมฆนี้ต่อเชื่อมเข้าหากันด้วยเครือข่ายเป็นระบบกริด ในระบบนี้จะใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ช่วลไลเซชั่นในการทำงานเพื่อให้โปรแกรมประยุกต์ขึ้นกับระบบน้อยที่สุด
  • ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ ( User interaction interface) ทำหน้าที่รับคำขอบริการจากผู้ใช้ในรูปแบบเวบโปรโตคอล
  • ส่วนจัดเก็บรายการบริการ (Services Catalog) เก็บและบริหารรายการของบริการ ผู้ใช้สามารถค้นดูบริการที่มีจากที่นี่
  • ส่วนบริหารงาน (system management) ทำหน้าที่กำหนดทรัพยากรที่เหมาะสมเมื่อผู้ใช้เรียกใช้บริการ เมื่อมีการขอใช้บริการ ข้อมูลการขอ request จะถูกส่งผ่านให้ส่วนนี้
  • ส่วนจัดหาทรัพยากร (provisioning services) จากนั้นส่วนบริหารงานจะติดต่อกับส่วนนี้ เพื่อจองทรัพยากรจากกลุ่มเมฆและเรียกใช้โปรแกรมประยุกต์แบบเวบที่เหมาะสมให้ เมื่อโปรแกรมประยุกต์ทำงานแล้วก็จะส่งผลที่ได้ให้ผู้ใช้ที่เรียกใช้บริการต่อไป
  • ส่วนตรวจสอบข้อมูลการใช้งาน (Minitoring and Metering) เพื่อใช้ในการเก็บค่าบริการหรือเก็บข้อมูลสถิติเพื่อปรับปรุงระบบต่อไป

Cloud computing เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายๆ ด้าน แม้ช่วงนี้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาด้านสถาปัตยกรรมระบบ แต่ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ทั้งด้านความต้องการของผู้ใช้และทรัพยากรที่จำกัด เช่น ผู้ใช้งานระบบต้องการพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ความเร็วในการประมวลผล และติดต่อลูกค้า Cloud computing จะเข้ามาทำการประมวลผลตามความต้องการทั้งเรื่องของพื้นที่ และสามารถจำกัดความเร็วในการประมวลผลให้ตรงความต้องการของผู้ใช้งานที่ร้อง ขอไป
               โดยให้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานร่วมกัน เชื่อมโยงและแบ่งกันประมวลผล ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ร่วมประมวลผลหลายๆ เครื่องไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน แต่เชื่อมต่อกันผ่านระบบเครือ-ข่ายแบบกริด (Grid) คอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลในกลุ่มที่เราเรียกว่า Cloud นี้ อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มีระบบปฏิบัติการและทรัพยากรเหมือนกัน และหน้าจอของผู้ใช้งาน (User Interface) จะแสดงผลที่รวดเร็วตามความต้องการของระบบที่ร้องขอไป โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า เบื้องหลังนั้นระบบจะทำงานกันอย่างไร)หากมองย้อนกลับไป Cloud computing หรือการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้น เคยผ่านตาเรามาบ้างหรือไม่ ให้พิจารณาที่ Google Application ที่เห็นชัดเจนที่สุดคงจะเป็น Google Earth, Google Maps และ Google Docs ซึ่ง Google Earth หากเรา เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่อไร เราสามารถชมภาพถ่ายดาวเทียมผ่าน Application ตัวนี้ ถัดมา Google Maps เป็น Platform Application ที่อำนวยความสะดวกในเรื่องการค้นหาสถานที่และลักษณะทางภูมิศาสตร์ ทั้งยังมี Feature ตั้งแต่การหาเส้นทาง หาตำแหน่งพิกัดที่ตั้งขององค์กร หรือสถานที่ที่เราต้องการ สุดท้าย Google Docs เป็น Application ที่จำลองโปรแกรมด้าน Office Platform โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ

Credit : 

Cloud computing




          Cloud computing is location independent computing, whereby shared servers provide resources, software, and data to computers and other devices on demand, as with the electricity grid. Cloud computing is a natural evolution of the widespread adoption of virtualization, service-oriented architecture and utility computing. Details are abstracted from consumers, who no longer have need for expertise in, or control over, the technology infrastructure "in the cloud" that supports them.
Cloud computing describes a new supplement, consumption, and delivery model forIT services based on the Internet, and it typically involves over-the-Internet provision of dynamically scalable and often virtualized resources. It is a byproduct and consequence of the ease-of-access to remote computing sites provided by the Internet.This frequently takes the form of web-based tools or applications that users can access and use through a web browser as if it were a program installed locally on their own computer.



The National Institute of Standards and Technology (NIST) provides a somewhat more objective and specific definition here. The term "cloud" is used as a metaphor for the Internet, based on the cloud drawing used in the past to represent the telephone network, and later to depict the Internet in computer network diagrams as an abstraction of the underlying infrastructure it represents. Typical cloud computing providers deliver common business applications online that are accessed from another Web service or software like a Web browser, while the software and data are stored on servers.
Most cloud computing infrastructures consist of services delivered through common centers and built on servers. Clouds often appear as single points of access for consumers' computing needs. Commercial offerings are generally expected to meet quality of service (QoS) requirements of customers, and typically include service level agreements (SLAs). The major cloud service providers include Amazon,Rackspace Cloud, Salesforce, Skytap, Microsoft and Google. Some of the larger IT firms that are actively involved in cloud computing are Huawei, Cisco, Fujitsu, Dell, Red Hat, Hewlett Packard, IBM, VMware, Hitachi and NetApp.


นโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติ



" บรอดแบนด์แห่งชาติ คือ การใช้ทรัพยากรรวมกันทางโทรคมนาคมและการสื่อสารให้เกิดประโยชน์สูงสุด เปรียบได้กับการที่รัฐบาลสร้างถนนให้รถวิ่ง ไม่ว่ารถนั้นเป็นของใครคนไทย หรือต่างชาติก็สามารถใช้ถนนได้ เพียงแต่การสร้างถนนจะต้องมีการลงทุนและจะต้องบำรุงรักษา ปัจจุบันประเทศไทยมีบรอดแบนด์แห่งชาติ หรือไม่ ส่วนนี้คงเป็นคำถามของหลายท่าน ประเทศไทยมี แต่ไม่เป็นของรัฐทั้งหมด มีการสร้างโครงข่ายของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมคม จำกัด (มหาชน) หรือCAT บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส  บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ซึ่งถ้าเปรียบคงจะเป็นการสร้างถนนที่ซ้อนกันอยู่ถึง 6 สาย และวิ่งไปในที่เจริญเท่านั้น คงเปรียบได้กับการไปสีลม ซึ่งไม่เหลียวแลชนบท หรือส่วนอื่นๆของประเทศที่ต้องการพัฒนา โดยแต่ละเจ้าของขยายถนนใหญ่โต เพื่อเป็นการรองรับผู้ใช้ทาง ซึ่งไม่สมเหตุสมผล และยังไม่สร้างถนนที่ไม่มีรถใช้วิ่งหรือวิ่งจำนวนน้อย จึงเกิดการกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เมือง และหัวเมืองใหญ่เท่านั้น ส่งผลให้ไม่สนองความต้องการที่จะต้องครอบคลุมในทุกพื้นที่"


สำหรับสาระสำคัญของนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติฉบับนี้ คือ 
1. ภาครัฐมีเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนการพัฒนาบริการ บรอดแบนด์ ให้เป็นบริการที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยให้ทั่วถึง เพียงพอ ในราคาที่เหมาะสม ภายใต้การแข่งขันเสรีและเป็นธรรม 
2. ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการพัฒนาบริการบรอดแบนด์ได้อย่างเต็มที่  ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและลดช่องว่างทางดิจิทัล ทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และเชิงกลุ่มประชากร สามารถกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 
3. ภาครัฐและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการพัฒนาบรอดแบนด์ได้อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน 
4.ในการพัฒนาบริการบรอดแบนด์ รัฐจะบริหารจัดการทรัพย์สินด้านโทรคมนาคมที่รัฐได้ลงทุนไปแล้วและอาจจะลงทุนเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกรายอย่างเสมอภาค โดยการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และรัฐจะไม่ผูกขาดที่จะเป็นผู้ลงทุนในการจัดให้มีบริการต่าง ๆ แต่เพียงผู้เดียว แต่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกรายที่พึงประสงค์และมีศักยภาพที่จะลงทุนเพื่อให้บริการ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดโครงข่ายบรอดแบนด์ทั่วประเทศ โดยให้มีการแข่งขันเสรีและเป็นธรรมในการให้บริการ 
5.ในเรื่องที่เกี่ยวกับเขตอำนาจอธิปไตยของชาติ เช่น ตำแหน่งวงโคจรของดาวเทียม จุดขึ้นฝั่งของเคเบิลใต้น้ำ หรือจุดเชื่อมต่อโครงข่ายข้ามพรมแดน ถือว่าเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติและเป็นสิทธิหรือทรัพยากรที่รัฐจะส่งเสริมให้มีการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในแง่ของการนำมาใช้งานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการภายในประเทศ และการนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการที่จะพัฒนาความร่วมมือและการค้าระหว่างประเทศรัฐจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินการตามนโยบาย โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนจัดให้มีบริการดังกล่าว  
6. รัฐจะส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมส่วนปลายทางทั้งแบบใช้สายและไร้สาย ผู้ประกอบการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้ผลิตเนื้อหา ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียง ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ และผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
          นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถได้รับบริการผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ ทั้งในด้านการศึกษา สาธารณสุข การเฝ้าระวังและเตือนภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ และบริการสาธารณะอื่น ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสารสนเทศและความรู้  โดยภายในปี 2558 ได้ตั้งเป้าหมายให้โรงเรียนในระดับตำบลสามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ที่มีคุณภาพ รวมทั้งให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยทุกแห่ง สามารถเข้าถึงบริการบรอดแบนด์ที่มีคุณภาพเดียวกับโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือเทียบเท่า ตลอดจนให้องค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งสามารถให้บริการระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโครงข่าย บรอดแบนด์ ได้ภายในปีเดียวกัน พร้อมกันนั้นยังตั้งเป้าที่จะให้มีระบบการเฝ้าระวังเตือนภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ และเหตุฉุกเฉินผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างทันท่วงทีอีกด้วย
          ส่วนในภาคธุรกิจได้ตั้งเป้าหมายให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากโครงข่ายบรอดแบนด์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมเช่นกัน รวมทั้งได้วางเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากร โดยใช้การสื่อสารหรือเข้าถึงข้อมูลร่วมกันผ่านบริการบรอดแบนด์ ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งจะส่งผลในการรักษาสิ่งแวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน รวมถึงลดต้นทุนการให้บริการบรอดแบนด์โดยรวม โดยเฉพาะด้านการเชื่อมต่อวงจรออกต่างประเทศและการนำบรอดแบนด์เข้าถึงผู้ใช้บริการ เพื่อให้อัตราค่าใช้บริการลดต่ำลง ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเนื้อหาสาระ (Content) และโปรแกรมประยุกต์ (Application) ที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา การสาธารณสุข การป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน ศาสนาและวัฒนธรรม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจถึงคุณค่า และความเสี่ยงของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เร่งตัวเร็วขึ้น  พร้อมกันนี้ยังมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันมากยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการผลิตเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีการพัฒนา เกิดการขยายตัว และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ไปสู่ระดับสากลด้วย

ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่ : www.mict.go.th/article_attach/NBPT.pdf 

What is field-programmable gate array?


          A Field-programmable Gate Array (FPGA) is an integrated circuit designed to be configured by the customer or designer after manufacturing—hence "field-programmable". The FPGA configuration is generally specified using a hardware description language (HDL), similar to that used for an application-specific integrated circuit (ASIC) (circuit diagrams were previously used to specify the configuration, as they were for ASICs, but this is increasingly rare). FPGAs can be used to implement any logical function that an ASIC could perform. The ability to update the functionality after shipping, partial re-configuration of the portion of the design and the low non-recurring engineering costs relative to an ASIC design (notwithstanding the generally higher unit cost), offer advantages for many applications.
          FPGAs contain programmable logic components called "logic blocks", and a hierarchy of reconfigurable interconnects that allow the blocks to be "wired together"—somewhat like many (changeable) logic gates that can be inter-wired in (many) different configurations . Logic blocks can be configured to perform complexcombinational functions, or merely simple logic gates like AND and XOR. In most FPGAs, the logic blocks also include memory elements, which may be simple flip-flops or more complete blocks of memory.
           In addition to digital functions, some FPGAs have analog features. The most common analog feature is programmable slew rate and drive strength on each output pin, allowing the engineer to set slow rates on lightly loaded pins that would otherwisering unacceptably, and to set stronger, faster rates on heavily loaded pins on high-speed channels that would otherwise run too slow. Another relatively common analog feature is differential comparators on input pins designed to be connected todifferential signaling channels. A few "mixed signal FPGAs" have integrated peripheral Analog-to-Digital Converters (ADCs) and Digital-to-Analog Converters (DACs) with analog signal conditioning blocks allowing them to operate as a system-on-a-chip. Such devices blur the line between an FPGA, which carries digital ones and zeros on its internal programmable interconnect fabric, and field-programmable analog array (FPAA), which carries analog values on its internal programmable interconnect fabric.
Definitions - A field-programmable gate array (FPGA) is an integrated circuit (IC) that can be programmed in the field after manufacture. FPGAs are similar in principle to, but have vastly wider potential application than, programmable read-only memory (PROM) chips. FPGAs are used by engineers in the design of specialized ICs that can later be produced hard-wired in large quantities for distribution to computer manufacturers and end users. Ultimately, FPGAs might allow computer users to tailor microprocessors to meet their own individual needs.
Architecture The most common FPGA architecture consists of an array of logic blocks (called Configurable Logic Block, CLB, or Logic Array Block, LAB, depending on vendor), I/O pads, and routing channels. Generally, all the routing channels have the same width (number of wires). Multiple I/O pads may fit into the height of one row or the width of one column in the array.
          An application circuit must be mapped into an FPGA with adequate resources. While the number of CLBs/LABs and I/Os required is easily determined from the design, the number of routing tracks needed may vary considerably even among designs with the same amount of logic. For example, a crossbar switch requires much more routing than a systolic array with the same gate count. Since unused routing tracks increase the cost (and decrease the performance) of the part without providing any benefit, FPGA manufacturers try to provide just enough tracks so that most designs that will fit in terms of LUTs and IOs can be routed. This is determined by estimates such as those derived fromRent's rule or by experiments with existing designs.
          In general, a logic block (CLB or LAB) consists of a few logical cells (called ALM, LE, Slice etc). A typical cell consists of a 4-input Lookup table(LUT), a Full adder (FA) and a D-type flip-flop, as shown below. The LUT are in this figure split into two 3-input LUTs. In normal mode those are combined into a 4-input LUT through the left mux. In arithmetic mode, their outputs are fed to the FA. The selection of mode are programmed into the middle mux. The output can be either synchronous or asynchronous, depending on the programming of the mux to the right, in the figure example. In practice, entire or parts of the FA are put as functions into the LUTs in order to save space.
          
          ALMs and Slices usually contains 2 or 4 structures similar to the example figure, with some shared signals.

CLBs/LABs typically contains a few ALMs/LEs/Slices.
In recent years, manufacturers have started moving to 6-input LUTs in their high performance parts, claiming increased performance.
Since clock signals (and often other high-fanout signals) are normally routed via special-purpose dedicated routing networks in commercial FPGAs, they and other signals are separately managed.
For this example architecture, the locations of the FPGA logic block pins are shown below.
          Each input is accessible from one side of the logic block, while the output pin can connect to routing wires in both the channel to the right and the channel below the logic block.

Each logic block output pin can connect to any of the wiring segments in the channels adjacent to it.
Similarly, an I/O pad can connect to any one of the wiring segments in the channel adjacent to it. For example, an I/O pad at the top of the chip can connect to any of the W wires (where W is the channel width) in the horizontal channel immediately below it.
Generally, the FPGA routing is unsegmented. That is, each wiring segment spans only one logic block before it terminates in a switch box. By turning on some of the programmable switches within a switch box, longer paths can be constructed. For higher speed interconnect, some FPGA architectures use longer routing lines that span multiple logic blocks.
Whenever a vertical and a horizontal channel intersect, there is a switch box. In this architecture, when a wire enters a switch box, there are three programmable switches that allow it to connect to three other wires in adjacent channel segments. The pattern, or topology, of switches used in this architecture is the planar or domain-based switch box topology. In this switch box topology, a wire in track number one connects only to wires in track number one in adjacent channel segments, wires in track number 2 connect only to other wires in track number 2 and so on. The figure below illustrates the connections in a switch box.
         
          Modern FPGA families expand upon the above capabilities to include higher level functionality fixed into the silicon. Having these common functions embedded into the silicon reduces the area required and gives those functions increased speed compared to building them from primitives. Examples of these include multipliers, generic DSP blocks, embedded processors, high speed IO logic and embedded memories.

FPGAs are also widely used for systems validation including pre-silicon validation, post-silicon validation, and firmware development. This allows chip companies to validate their design before the chip is produced in the factory, reducing the time-to-market.

Credit : 

ชิพแห่งอนาคต : ซูเปอร์ชิพ-เร่งความเร็วคอมพ์20เท่า



          เล่นคอมพิวเตอร์ชักช้า อืดอาด เป็นเรื่องน่าอึดอัด นักวิทยาศาสตร์หัวใสจึงคิดประดิษฐ์ชิพความเร็วแรงสุดๆ ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ของท่านเร็วกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดาถึง 20 เท่า

          ดร.วิม ฟานเดอร์บัวเวด จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ชิพ อัจฉริยะชื่อว่า Field Programmable Gate Array หรือ FPGA ซึ่งมีขนาดจิ๋วเท่ากับชิพปกตินี้ สามารถช่วยเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลด้วยความเร็ว 5 กิกะไบต์ ต่อ 1 วินาที เพราะภายในชิพจิ๋วนี้มี core หรือ แกนประมวลผลของซีพียู มากถึง 1,000 แกน จากปกติคอมพิวเตอร์ทั่วไปมีเพียง 2 หรือสูงสุดแค่ 16 แกน นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งวงจรการทำงานของชิพ เพิ่มเติมจากที่เซ็ตมาแล้วจากโรงงานได้อีกด้วย ถึงทำงานได้เร็วจี๊ดขนาดนี้ แต่นักวิจัยกล่าวว่า มันกินพลังงานน้อยกว่าชิพปกติอีกนะเนี่ย

          หลักการทำงานคือ ทีมวิจัยแบ่งการทำงานของระบบการควบคุมและขยายกำลังกระแสไฟฟ้า หรือ ทรานซิสเตอร์ ภายในชิพให้พวกมันทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน และเข้าควบคุม core ทั้ง 1,000 แกนแบบเป็นเอกเทศ ส่งผลให้เกิดความเร็วกว่าปกติมหาศาล

          "จริงๆ แล้วปัจจุบันเราใช้ชิพ FPGA กับทีวีพลาสมา และจอแอลซีดี แต่ยังไม่มีการทดลองใช้กับคอมพิวเตอร์ แม้ว่าบางบริษัทอย่าง Intel และ ARM จะเคยพยายามพัฒนาแล้ว แต่ยังถือว่าอยู่ในขั้นวิจัย" ดร.ฟานเดอร์บัวเวดกล่าวและคาดว่า ภายใน 2-3 ปีนี้ ชิพอัจฉริยะนี้น่าจะพร้อมออกสู่ตลาด

ที่มา : ข่าวสด

South Korean film director makes movie on iPhone

AP News : SEOUL, South Korea (AP) — Acclaimed South Korean film director Park Chan-wook is wielding a new cinematic tool: the iPhone.
Park, director of the internationally known “Old Boy,” ”Lady Vengeance” and “Thirst,” said Monday that his new fantasy-horror film “Paranmanjang” was shot entirely on Apple Inc.’s iconic smartphone.
“The new technology creates strange effects because it is new and because it is a medium the audience is used to,” Park told reporters Monday.
“Paranmanjang,” which means a “life full of ups and downs” in Korean, is about a man transcending his current and former lives. He catches a woman while fishing in a river in the middle of the night. They both end up entangled in the line and he thinks she is dead.
Suddenly, though, she wakes up, strangles him and he passes out. When the woman awakens him, she is wearing his clothing and he hers. She cries and calls him “father.”

Park Chan-wook. Pic: AP.
The movie, made on a budget of 150 million won ($133,000), was shot using the iPhone 4 and is slated to open in South Korean theaters on Jan. 27. Park made the 30-minute film with his younger brother Park Chan-kyong, also a director.
Park Chan-wook’s “Old Boy,” a blood-soaked thriller about a man out for revenge after years of inexplicable imprisonment, took second place at the 2004 Cannes Film Festival. His vampire romance “Thirst” shared the third-place award at Cannes in 2009.
Park Chan-kyong said that a wide variety of angles and edits were possible because numerous cameras could be used.
“There are some good points of making a movie with the iPhone as there are many people around the world who like to play and have fun with them,” Park Chan-wook said. Compared to other movie cameras, the iPhone was good “because it is light and small and because anyone can use it,” he said.
He said the directors attached lenses to their phones and nothing was particularly different from shooting a regular movie.
Lee Jung-hyun, who plays the woman, said the film has a bit of everything.
Though it is a short film with a running time around 30 minutes it “mixes all elements from horror and fantasy to some humor,” she said.

Indonesia says BlackBerry will filter out porn

AP News JAKARTA, Indonesia (AP) — BlackBerry is working to filter out pornographic content on its smart phones in Indonesia, the world’s most populous Muslim nation, the company said Tuesday.

Research in Motion Ltd., the Canadian-based maker of the Blackberry, is also ready to set up a server in Indonesia, said Gatot Dewabroto, spokesman for the Ministry of Communication and Information. But RIM’s statement did not address that.
Its statement said the company was “fully committed to working with Indonesia’s carriers to put in place a prompt, compliant filtering solution for BlackBerry subscribers in Indonesia as soon as possible.”
Last week, Indonesia threatened to revoke BlackBerry’s license to operate in the nation of 237 million unless it filtered out porn and set up a local server.
A number of countries have expressed national security concerns about encrypted information on users’ Blackberrys if RIM didn’t come up with a way for governments to monitor them. They have threatend to shut out RIM, whose competitive edge rests on ensuring security to its global users.
Indonesia says RIM earns about $251 million per year from the country’s 3 million BlackBerry users.
Dewabrata said the government would meet with RIM officials Jan. 17 to hammer out details.

์News : เผยยอดผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กในรอบปี 53 ไทยมีอัตราก้าวกระโดดเป็นอันดับ 2 ของโลก

จอน รัสเซล ได้เขียนบทความในเว็บไซต์ www.asiancorrespondent.com โดยอ้างอิงข้อมูลจากนิค เบอร์เชอร์ บล็อกเกอร์และผู้สนใจศึกษาปรากฏการณ์เกี่ยวกับเว็บไซต์เฟซบุ๊กชาวอังกฤษ ที่ทำการจัดอันดับ 30 ประเทศที่มีผู้ใช้บริการเว็บไซต์เฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก

ผลปรากฏว่าประชากรของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย มีอัตราการสมัครเป็นสมาชิกของเครือข่ายทางสังคมออนไลน์แห่งนี้ที่เติบโตขึ้นมากอย่างน่าทึ่ง


สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกเฟซบุ๊กมากเป็นอันดับที่ 21 ของโลก จำนวนผู้ใช้บริการเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมออนไลน์ดังกล่าวได้เพิ่มสูงขึ้นถึงราว 240% ในปี 2553 (และเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 4,000% ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา) จนถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตของจำนวนสมาชิกเฟซบุ๊กสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในรอบปีที่ผ่านมา รองจากบราซิลเพียงประเทศเดียว

นอกจากประเทศไทยแล้ว เพื่อนบ้านร่วมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ตลอดจนประเทศจากเอเชียใต้อย่างอินเดีย ก็มีจำนวนประชากรที่สมัครเป็นสมาชิกเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นกว่า 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน ทวีปเอเชียจึงมีสถานะเป็นภูมิภาคสำคัญ ซึ่งเฟซบุ๊กจะสามารถใช้ขยายฐานกลุ่มผู้ใช้บริการของตนเองให้มีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้นได้

ขณะเดียวกัน เป็นที่คาดการณ์ว่าเมื่ออัตราการแพร่กระจายและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีความเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะจากกรณีของการวางจำหน่ายโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนและการเกิดขึ้นของระบบอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ จำนวนผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กในไทย,มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ก็น่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไป เช่นกันกับจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศอื่นๆ  เช่น กัมพูชา เวียดนาม และลาว ที่น่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ที่มา : 

สื่อเสียง (ประเภทของเสียง)

                                เสียงสามารถแบ่งออกเป็น  2  ชนิด คือ เสีสยงแบบมีดี้ และเสียงแบบดิจิตอล โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.  เสียงแบบ MIDI (Musical Instrument Digital Interface)
                                MIDI คือ ข้อมูลแสดงลักษณะเสียงแทนเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ซึ่งเป็น      มาตรฐานในการสื่อสารด้านเสียงที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 สำหรับใช้กับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เช่น สร้างเสียงตามตัวโน้ต เสมือนการเล่นของเครื่องเล่นดนตรีนั้นๆ โดยในมุมมองของนักดนตรี MIDI จะหมายถึง โน้ตเพลงที่มีรูปแบบเป็นสัญลักษณ์หรือตัวเลข ที่จะบอกให้รู้ว่าต้องเล่นโน้ตตัวใดในเวลานานเท่าไร เพื่อให้เกิดเป็นเสียงดนตรี
o                                ดนตรีแบบ MIDI จะไม่เหมือนเสียงจากเครื่องดนตรีจริงๆ ดังนั้นเครื่องมือในการเล่นเพลงแบบ MIDI จะมีผลต่อคุณภาพของเสียงที่ได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการสร้างและปรับแต่งเสียง MIDI ให้มีความไพเราะมากยิ่งขึ้น oข้อดี ไฟล์ข้อมูลมีขนาดเล็ก การสร้างข้อมูล MIDI ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีจริงๆ ใช้หน่วยความจำน้อย ทำให้ประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ เหมาะสำหรับใช้งานบนระบบเครือข่าย และง่ายต่อการ     แก้ไขและปรับปรุง ข้อเสีย แสดงผลเฉพาะดนตรีบรรเลงและเสียงที่เกิดจากโน้ตดนตรีเท่านั้น และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เสียงมีราคาค่อนข้างสูง



2.  เสียงแบบดิจิตอล (Digital Audio)
                                เสียงแบบดิจิตอล คือ สัญญาณเสียงที่ส่งมาจากไมโครโฟน เครื่องสังเคราะห์เสียง เครื่องเล่นเทป หรือจากแหล่งกำเนิดเสียงต่างๆ ทั้งจากธรรมชาติ และที่สร้างขึ้น แล้วนำข้อมูลที่ได้แปลงเป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่งข้อมูลดิจิตอลจะถูกสุ่มให้อยู่ในรูปแบบของบิต และไบต์ โดยเรียกอัตราการสุ่มข้อมูลที่ได้มา เรียกว่า “Sampling Rate” และจำนวนของข้อมูลที่ได้เรียกว่า “Sampling Size” ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของเสียงที่ได้จากการเล่นเสียงแบบดิจิตอล
                                เสียงแบบดิจิตอลจะมีขนาดของข้อมูลใหญ่ ทำให้ต้องใช้หน่วยความจำและทรัพยากรบนหน่วยประมวลผลกลางมากกว่า MIDI แต่จะแสดงผลเสียงได้หลากหลาย และเป็นธรรมชาติกว่า MIDI มาก

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

นักวิทยาศาสตร์เผยโฉม 'อีโอโดรเมอุส'ไดโนเสาร์สายพันธุ์เก่าแก่ ต้นกำเนิด 'ทีเร็กซ์'

          ทีมนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากอาร์เจนติน่าและสหรัฐอเมริกา ร่วมกันตีพิมพ์การค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ล่าสุด โดยตามรายงานของวารสารวิทยาศาตร์ ระบุว่า ไดโนเสาร์พันธุ์นี้ มีอายุเก่าแก่ที่สุดนับตั้งแต่มีการค้นพบมา ที่บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติอิซชีกัวลาสโต ในจังหวัดซานฮวน ประเทศอาร์เจนติน่า

          ทีมนักวิจัยได้ทำการประกอบโครงกระดูกที่พบฝัง ตัวอยู่ในชั้นหินและเหล็กขึ้นใหม่และพบว่าเป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์กินเนื้อ ขนาดเล็ก เดิน 2 ขา สูงราว 1 เมตร 20 เซนติเมตร และหนักราว 4-6 กิโลกรัม พวกเขาตั้งชื่อมันว่า "อีโอโดรเมอุส" ซึ่งแปลว่า นักวิ่งแห่งอรุณ(Dawn runner)


          ทั้งนี้จากการพิสูจน์ทางโบราณคดีและธรณีวิทยา ทำให้พวกเขาพบประวัติศาสตร์ก่อนโลกดึกดำบรรพ์อันน่าทึ่ง เพราะมีหลักฐานบ่งชี้ว่า ไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ มีชีวิตอยู่บนโลกในยุคไทรแอสสิคตอนปลาย หรือราว 230 ปีล้านที่แล้ว

          นอกจากนี้ พวกเขายังพบความเกี่ยวพันที่ทำให้เชื่อได้ว่า อีโอโดรเมอุสเป็นบรรพบุรุษของไทรันโนซอรัส หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 'ทีเร็กซ์' ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ชื่อดัง ที่มีชีวิตอยู่ใน ยุคครีเตเซียส หรือเมื่อราว 65 ล้านปีที่แล้ว

          นักวิทยาศาสตร์และนัก ธรณีวิทยาต่างเชื่อว่าการค้นพบในครั้งนี้ จะสร้างกระแสตื่นตัวในวงการศึกษาวิจัยสิ่งมีชีวิตยุคก่อนประวัติศาสตร์อีก ครั้งหนึ่ง หลังจากภาพยนตร์เรื่อง 'จูแรสสิค พาร์ค' ของผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก เคยสร้างกระแสคลั่งไคล้ไดโนเสาร์ไปทั่วโลกมาแล้ว



Credit : Voice TV