Music Hit In your life

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

การ์ตูน Angry Birds Toons มาแล้ว มาลองดูกันว่าเป็นอย่างไร

          ในยุคที่เกมส์มือถือสมาร์ตโฟนมาแรงแบบนี้ ตัวละครจากเกมส์ที่ดังที่สุดจะเป็นตัวอะไรไปไม่ได้ นอกจากเจ้านกพิโรธ โกรธจนตัวแดงจากเกมส์ Angry Birds ค่าย Rovio นั่นเอง เหล่าพลพรรคนกพิโรธทุกสี ได้ทำศึกหนักกับพวกหมูเขียวตัวแสบกันมาหลายภาค และทำยอดดาวน์โหลดได้เป็นอันดับหนึ่งของซีรี่ย์เกมสมาร์ตโฟน ดังจนถึงขนาดมีการนำตัวละครไปสร้างเป็น สวนสนุก Angry Birds ที่ประเทศฟินแลนด์ด้วย จนกระทั่งต่อมามีเวอร์ชั่นทำร่วมกับสตาร์วอร์สอีกต่างหาก แต่ความดังของนกพิโรธก็ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะพวกมันกำลังเป็นดารานักแสดงในการ์ตูนแอนิเมชั่น Angry Birds Toons ที่มีกำหนดฉายให้ชมกันในเดือนมีนาคม 2013 นี้ ซึ่งวันนี้ได้มีปล่อย Trailer ออกมาให้ชมกันเล็กๆน้อยๆไปก่อน




เนื้อเรื่องของการ์ตูน Angry Birds Toons ก็จะมีเหล่าตัวละครตามที่ปรากฎใน Trailer เป็นตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งเนื้อเรื่องก็จะคล้ายๆกับในเกมส์ คือเกี่ยวกับเรื่องไข่นก และเจ้าหมูเขียวที่จ้องมาขโมยไข่ การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายที่ออกแนวฮาและป่วน สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม ส่วนตัวละครไหนจะมีชื่ออะไร และจะดำเนินไปอย่างไรนั้นต้องติดตามชมกันวันที่ 16 มีนาคม 2013 นี้ Angry Bird ฉบับการ์ตูนแอนนิเมชั่น มาให้ชมแล้วทุกสัปดาห์ https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=p_7JjB0At_s



อ้างจาก สนุก!

แนะนำเกมน่าเล่นสำหรับวันนี้

แนะนำเกมน่าเล่นสำหรับวันนี้ 22 มีนาคม 56

เกมออนไลน์ (Game Online)


  •      Tera Online สุดยอดเกมออนไลน์ที่ฉีกรูปแบบ MMORPG แบบเดิม!
ที่มา http://forum.online-station.net/topic/view/69577

เกมบน PS3 Xbox360 
  • : Metal Gear Rising 

 เป็นเกมแอ๊คชั่นลำดับถัดไปในซีรีส์เมทัลเกียร์ พัฒนาโดยแพล็ตตินั่มเกมส์ และคุมการผลิตโดยฮิเดโอะ โคจิมะ สำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน3 เพลย์สเตชันวิต้า เอ็กซ์บ็อกซ์360 และวินโดวส์ ในช่วงแรกเกมนี้มีการประกาศผู้พัฒนาคือโคจิมะโปรดักชั่น ในชื่อว่าเมทัลเกียร์โซลิด:ไรซิ่ง ซึ่งจะเป็นเกมแนวลอบเร้นผสมแอ๊คชั่น และมีเนื้อหาที่คาบเกี่ยวระหว่างเหตุการณ์ในภาคซันส์ออฟลิเบอร์ตี้ และกันส์ออฟเดอะเพทริออต ล่าสุดในเดือนธันวาคม ปี2011 ก็ได้มีการแถลงข่าวถึงการเปลี่ยนชื่อเกม เนื้อหาหลัก และเปลี่ยนผู้พัฒนาเป็นแพลตตินั่มเกมส์แทน

เกมออฟไลน์ (Offline Game)
  • Devil May Cry
เป็นเกม แนว Action 3D ของค่าย CAPCOM มีภาคที่ 1-3 บน PS2 ซึ่งตัวเกมจะประกอบด้วยการไขปริศนา และการต่อสู้กับเหล่าปีศาจ



โครงการประกวดสร้างสื่อการเรียนรู้...สู่แท็บเล็ต



           สพฐ. (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) จัดทำโครงการจัดการประกวด และอบรมเชิงปฏิบัติการ ผลิตสื่อการเรียนการสอนเพื่อใช้กับเครื่องแท็บเล็ต โดยจะครอบคลุมรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ Multimedia ebook การ์ตูนอิเล็กทรอนิกส์ e-Cartoon และ แอพพลิเคชั่นการเรียนการสอน Leaning Application โดยจะจัดเตรียมเครื่องมือสร้างสื่อ และวัตถุดิบในการสร้างสื่อดังกล่าว โดยสื่อที่ผลิตและจัดประกวด ร่วมกับอุปกรณ์ แท็บเล็ตในโครงการ OTPC สื่อการเรียนรู้ที่จะทำการอบรมเชิงปฏิบัติการผลิตจะครอบคลุม สองช่วงชั้นใน ห้ากลุ่มสาระวิชาหลัก คือ ช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง 3 และ ช่วงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ถึง 3 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ภาษาไทยและ สังคมสำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผลิตสื่อการเรียนการสอน สนับสนุนโครงการ OTPC ให้กับครูทั่วประเทศจำนวน 1,000 คน พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือสร้าง สื่อการเรียนการสอนดังกล่าวพร้อมวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการผลิตระหว่างอบรมเชิงปฏิบัติการ OTPC และจัดการการประกวดผลงานที่ได้ เพื่อส่งเสริมการสร้างสื่อการเรียนการสอนเพื่อสนับสนุนโครงการ OTPC อย่างต่อเนื่อง

         โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทาง http://www.otpcappcon.com/


คำแนะนำในการเลือกซื้อแทบเล็ต


1. ระบบปฏิบัติการ สิ่งแรกที่เราต้องรู้จักและทำความเข้าใจก็คือระบบปฏิบัติการ หลายคนอาจจะงงๆว่าระบบปฏิบัติการคืออะไร ? ระบบปฎิบัติการคือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ทแวร์ และเป็นโปรแกรมที่เป็นตัวกลางให้โปรแกรมอื่นๆที่อิงกับระบบปฎิบัติการนั้นสามารถทำงานกับฮาร์ทแวร์ได้ โดยระบบปฏิบัติการที่เราคุ้นเคยเช่น Windows ซึ่ง Windows XP, Windows Vista หรือ Windows 7 ต่างๆเหล่านี้ถือเป็นระบบปฏิบัติการตัวนึง และแท็บเล็ตก็จำเป็นที่ต้องมีระบบปฏิบัติการไว้สำหรับใช้งาน ซึ่ง มีระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้งานกันได้แก่

  • iOS ระบบปฏิบัติการจากค่าย Apple ซึ่งแท็บเล็ตที่ใช้อยู่ก็คือ iPad นั่นเอง และถ้าให้พูดถึงจุดเด่นของ iOS แล้วละก็คงจะเป็นที่ประสิทธิภาพในการทำงานกับฮาร์ดแวร์ และจัดการหน่วยความจำที่ดีถ้าเทียบกับแท็บเล็ทอื่นที่มีหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลกลางเท่ากันแล้ว iOS ยังมีการทำงานที่ดีกว่า ส่วนข้อด้อยเป็นระบบปฏิบัติการตัวเดียวที่ไม่รองรับ Flash (ไม่สามารถแสดงผลได้) และการเชื่อมต่อที่ต้องทำผ่านซอฟท์แวร์ iTune เท่านั้น
  • Android ระบบปฏิบัติการจากค่าย Google เดิมทีทาง Google ได้พัฒนาขึ้นมาใช้สำหรับมือถือสมาร์ทโฟนซึ่งก็มีบางค่ายได้นำไปปรับปรุงแล้วใส่ในแท็บเล็ต ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Tab รุ่นแรกโดยตัวระบบปฏิบัติการที่ใช้นั่นจะเป็น Android Froyo ต่อมาทาง Google ถึงได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นใหม่ให้รองรับแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่ามือถือสมาร์ทโฟนโดยตั้งชื่อมันว่า Honeycombซึ่งจะมีหลายเวอร์ชั่นด้วยกันดังนี้
    • 3.0 - เป็นเวอร์ชั่นแรกที่ออกมาสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ การทำงานโดยรวมทั้งความเร็วและความลื่นเมื่อเทียบกับ iOS แล้วยังสู้ไม่ได้ แต่จะได้เปรียบและดีกว่า iOS ตรงรองรับ Flash และส่วนการเชื่อมต่อที่ทำได้ง่ายเพียงแค่เสียบเข้ากับเครื่องคอมก็จะมองเห็นเป็นอุปกรณ์อีกตัวนึงสามารถทำงาน copy, paste, delete ไฟล์ต่างๆได้สะดวก
    • 3.1 - มีการปรับปรุงจากเวอร์ชั่น 3.0 ในด้านความเร็วในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อและโอนถ่ายข้อมูลผ่านช่อง USB
    • 3.2 - เพิ่มโหมดการแสดงผลสำหรับแอพพลิเคชั่นบนมือถือให้สามารถแสดงผลบนแท็บเล็ตได้อย่างถูกต้อง และปรับปรุงให้รองรับกับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการ ขยายหน้าจอ (Zoom)
  • Windows ระบบปฏิบัติการจากค่าย Microsoft หลายคนอาจจะชินและคุ้นเคยกับการใช้งาน Windows เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยิ่งหน้าจอเป็นแบบสัมผัสอีกด้วยก็ช่วยให้แท็บเล็ตน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตัว Windows 7 นั้นยังคงไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้สำหรับแท็บเล็ต บางส่วนจึงอาจจะเล็กเกินไปที่จะใช้นิ้วสัมผัสได้ นอกจากนี้ระยะเวลาการใช้งานก็ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับ iOS, Android และ BlackBerry Tablet OS
  • BlackBerry Tablet OS ระบบปฏิบัติการจากค่าย RIM เจ้าของมือถือสมาร์ทโฟน BB นั่นเอง โดยระบบปฏิบัติการตัวนี้จะพัฒนามาสำหรับ PlayBook โดยเฉพาะ การทำงานโดยรวมก็ถือได้ว่าลื่นไหลไม่แพ้ iOS นอกจากนี้ยังออกแบบการใช้งานโดยวิธีการสัมผัสต่างๆช่วยให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างก็คือการทำงานของ Multitasking หรือเปิดแอพพลิเคชั่นหลายตัวพร้อมกันสามารถทำได้ดีกว่าระบบปฏิบัติการตัวอื่นๆ หรือเทียบเท่า Windows ได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม PlayBook จำเป็นจะต้องมีมือถือ BB ถึงจะสามารถใช้งานส่วน เช็คอีเมลล์, รายชื่อ, ปฏิทิน, BBM ได้ และยังไม่รองรับภาษาไทยอีกด้วย
  • WebOS ระบบปฏิบัติการแบบออนไลน์ นั่นเอง เราสามารถที่จะทำงานต่างๆ ได้โดยผ่าน Web Browser ดังน้ันมี Web Browser ก็สามารถทำงานได้แล้ว ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม ไม่ต้อง Save file ลงในฮาร์ดแวร์ และเมื่อแก้ไขงานเสร็จแล้วไฟล์ดังกล่าวจะอยู่ใน WebOS ทำให้สามารถทำงานต่อได้ทุกที่ทุกเวลา จุดนี้น่าจะเป็นจุดแข็งของ WebOS แต่ถ้าไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ทก็ไม่สามารถทำงานได้ จุดนี้กลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของ WebOS ทำให้ไม่เป็นที่นิยม จน HP ประกาศเลิกพัฒนาไปในที่สุด
2. ขนาดหน้าจอ แท็บเล็ตในท้องตลาด ณ ตอนนี้มีหลายขนาดให้เลือกซื้อ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือความชอบของแต่ละคน โดยผมจะขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ดังต่อไปนี้ คือ

7 นิ้ว - ขนาดไม่ใหญ่มากพกพาสะดวกเหมือนกับเราพกพ็อกเก็ตบุ๊คสักหนึ่งเล่ม
10 นิ้ว - จอใหญ่แสดงผลได้เยอะแต่ขนาดและน้ำหนักก็จะใหญ่และสูงตามไปด้วย

3. น้ำหนัก ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึงเนื่องจากโดยทั่วไปแล้วเรามักจะถือใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผมได้สัมผัสมาหลายตัวบอกได้เลยว่าตัวที่มีน้ำหนักประมาณ 700 กรัมจะถือได้ไม่นานเท่าไรนัก และยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงแล้วละก็คงจะถือไม่ไหวอย่างแน่นอนต้องอาศัยการวางบนโต๊ะสลับกับถือเป็นระยะๆแทน หรืออีกวิธีก็คือวางบนตักคงพอใช้งานได้นานขึ้นอีกนิด

4. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แท็บเล็ตส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่นกว้างๆได้แก่ WiFi และ 3G + WiFi การเลือกซื้อเราต้องดูลักษณะการใช้งานของตัวเราเอง
  • ถ้าเราใช้เฉพาะในบ้านหรือในอาคารเสียเป็นส่วนใหญ่รุ่น WiFi อย่างเดียวก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้วเพราะราคาจะไม่สูงมากสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย WiFi ภายในบ้านหรือตามสถานที่ต่างๆได้
  • แต่ถ้าในกรณีที่เราออกข้างนอกบ่อยๆหรือใช้ชีวิตบนรถมากกว่าอยู่ในบ้านคงต้องเป็นรุ่น 3G + WiFi เพราะ 3G จะมีสัญญาณที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า (ณ ปัจจุบันอาจจะรองรับเฉพาะในกรุงเทพ) แต่ราคาก็จะสูงกว่ารุ่น WiFi อย่างเดียวประมาณ 2 - 3 พันบาท
  • หรืออีกกรณีถ้าใครมี MiFi อยู่แล้ว (อุปกรณ์สำหรับกระจายสัญญาณ WiFi โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 3G ราคาตัวอุปกรณ์ตกประมาณ 3 - 4 พันบาท) ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่น 3G + WiFi ก็ได้ซื้อรุ่น WiFi อย่างเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าใครไม่มี MiFi และไม่อยากจะซื้อรุ่น 3G + WiFi ยังมีอีกตัวเลือกก็คือ AirCard เนื่องจากตัวอุปกรณ์มีราคาไม่สูงเพียง 1 - 2 พันบาท แต่ก็จะใช้ได้เพียงแท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้นระบบปฏิบัติการอื่นๆยังคงไม่รองรับ
5. ความจุ ในที่นี้ก็คือพื้นที่เก็บข้อมูลภายในหรือบางที่ก็เรียกว่าหน่วยความจำ มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นหลายขนาดได้แก่ 16GB/32GB/64GB แต่ราคาก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆรุ่นละ 2-3 พันบาท การเลือกซื้อส่วนใหญ่ไฟล์ที่กินพื้นที่มักจะเป็นไฟล์หนังซึ่งเรื่องนึงก็กินไป 1 - 2GB แล้ว ถ้าใครไม่เก็บไฟล์หนังไว้บนเครื่องเพียงแค่เก็บไฟล์เพลง รูป + แอพพลิเคชั่นนิดหน่อยขนาด 16GB ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าใครไม่ต้องการมานั่งลบบ่อยๆและมีงบประมาณระดับนึงก็ให้เลือกขนาดความจุที่สูงๆเข้าไว้ครับ

อย่างไรก็ตามแท็บเล็ตบางรุ่นจะมีส่วนเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาหลายรูปแบบซึ่งก็ถือเป็นตัวที่ต้องคำนึงถึงด้วยเหมือนกันเพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อความจุเยอะๆ แต่อาศัยเก็บข้อมูลที่อื่นแทน ตัวอย่างเช่น
  • ถ้าเครื่องไหนที่มีช่องเสียบการ์ด microSD จะได้เปรียบเพราะสามารถไปเก็บข้อมูลในการ์ดแทนได้
  • อีกวิธีที่ช่วยเพิ่มพื้นที่การใช้งานก็คือบริการ cloud หรือกลุ่มเมฆซึ่งเราสามารถนำไฟล์ไปฝากไว้ที่บริการนี้ได้โดยไม่ต้องเก็บไว้ในเครื่อง (ตอนนี้มีเพียง ASUS Eee Pad Transformer เท่านั้นที่มีบริการนี้ให้ใช้งานฟรีในช่วงแรก)
  • Clear.fi เป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะแท็บเล็ตของ Acer เท่านั้นโดย Clear.fi จะช่วยให้เราสามารถเล่นไฟล์เพลง, ดูไฟล์หนังและดูรูปโดยที่ไม่ต้องเก็บไฟล์เหล่านั้นลงบนเครื่องเลย เพียงแต่อ่านไฟล์จากเครื่องอื่นผ่านเครือข่าย WiFi แทนและเป็นแบบ Streaming ด้วยไม่ต้องรอก็อปปี้ไฟล์
6. ช่องเสียบ สำหรับ iPad นั้นจะไม่มีช่องเสียบใดๆติดมากับตัวเครื่องต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมถึงจะสามารถใช้งานได้ แต่สำหรับแท็บเล็ต Android และ Windows ส่วนมากจะมีช่องเสียบเพิ่มเติมติดมากับตัวเครื่องเลยทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมใดๆก็ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนหนึ่ง สำหรับช่องเสียบต่างๆบนแท็บเล็ตนั้นมีดังต่อไปนี้

USB / Mini USB / micro USB - สำหรับเสียบ Flash Drive, External Harddisk, เม้าส์, คีย์บอร์ด
HDMI / mini HDMI micro HDMI - เอาไว้ต่อเอาภาพจากแท็บเล็ตออกจอทีวี
SD / SDHC / microSD - กล้องดิจิตอลหรือกล้องวีดีโอส่วนมากจะใช้การ์ด SDHC หรือ SD ซึ่งเราก็สามารถจะนำไปเสียบเข้ากับแท็บเล็ตที่มีช่องเหล่านี้เพื่อทำการโอนถ่ายข้อมูลได้ทันที หรือถ้าเครื่องไหนมีช่องเสียบ microSD ก็สามารถใช้เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆได้มากกว่าความจุที่มีอยู่ในเครื่อง

7. แอพพลิเคชั่น เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมิติและประโยชน์ในการใช้งานของแท็บเล็ต ถ้าให้เรียงลำดับตามแอพพลิเคชั่นที่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดผมให้แท็บเล็ตที่รันระบบปฏิบัติการ Windows มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ iOS, Android และ BlackBerry Tablet OS

8. ลูกเล่นเพิ่มเติม เนื่องจากหลายๆบริษัทต้องการสร้างความแตกต่างให้กับแท็บเล็ตของตัวเอง บางบริษัทจึงได้มีการเพิ่มเติมฟีเจอร์และลูกเล่นต่างๆให้แตกต่างจากค่ายอื่นๆ ดังเช่น
ฮาร์ดแวร์
    • คีย์บอร์ด Dock สำหรับแปล่งร่างเป็นเน็ตบุ๊คของ ASUS Eee Pad Transformer
    • คีย์บอร์ด Dock สำหรับแปล่งร่างเป็นเน็ตบุ๊คของ Acer Iconia Tab W500, W501
    • ปากกา Magic Pen ของ HTC Flyer
    • กล้องถ่ายภาพ 3 มิติ ของ LG Optimus Pad
ซอฟท์แวร์
  • TouchWiz UX ใน Samsung Galaxy Tab 10.1
  • Clear.fi ใน Acer Iconia Tab A500, A501, W500, W501
  • โทรได้ Samsung Galaxy Tab รุ่นแรก
9. ราคา ข้อนี้สำหรับผมถือเป็นปัจจัยหลักครับ ตามความคิดของผมยังมองว่าแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์น้อยกว่าโน๊ตบุ๊ค ซึ่งถ้าราคาสูงเกินไปก็ดูจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และช่วงนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นและทดลองตลาดกันเสียมากกว่าราคาส่วนใหญ่ยังคงสูงอยู่ แต่ถ้าใครตัดสินใจที่อยากจะได้สักตัวมาไว้ใช้งานก็ควรจะเลือกซื้อตัวที่ราคาไม่สูงจนเกินไป

สรุป
แท็บเล็ตไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเรา การจะซื้อแท็บเล็ตสักตัวอยากให้คำนึงถึงประโยชน์ที่เราจะได้จากมันหรือง่ายๆคือซื้อมาแล้วได้ใช้งานไม่ต้องแปรสภาพไปเป็นที่ทับกระดาษ แต่ถ้าคิดแล้วไม่มีหรือซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้อะไร ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อจะดีกว่าครับเพราะแท็บเล็ตตัวนึงราคาไม่ถือว่าถูก ควรจะซื้อเมื่อเราต้องใช้งาน แท็บเล็ตถึงจะมีประโยชน์มากที่สุด
 
ที่มาบทความ
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
www.tabletd.com

สรุปเนื้อหา การสร้างเว็บไซต์โดยใช้ภาษา HTML


สรุปเนื้อหา การสร้างเว็บไซต์โดยใช้ภาษา HTML
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ครูสุเมธ ราชประชุม 

          HTML ย่อมาจากคำว่า "HyperText Markup Language" เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่งของคอมพิวเตอร์ ที่แสดงผลในลักษณะของเว็บเพจ ซึ่งสามารถแสดงผลได้ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นภาพกราฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ
ภาษา HTML เป็นภาษาที่มีลักษณะของโค้ด กล่าวคือ จะเป็นไฟล์ที่เก็บข้อมูลที่เป็นตัวอักษรในมาตรฐานของรหัสแอสกี (ASCII Code) โดยเขียนอยู่ในรูปแบบของเอกสารข้อความ จึงสามารถกำหนดรูปแบบและโครงสร้างได้ง่าย

 การสร้างเว็บเพจ 
เราสามารถสร้างเว็บเพจได้ 2 ทาง คือ

  1. TextEditor โดยเราต้องรู้คำสั่งของภาษา HTML แล้วพิมพ์โปรแกรมเข้าไปทางTextEditor เช่น Notepad เป็นต้น 
  2. ตัวช่วยสร้าง โดยใช้โปรแกรมที่มีความสามารถในการสร้างเว็บเพจโดยเราไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML เพราะโปรแกรมเหล่านี้จะทำการแปลงให้เราอัตโนมัติ 


ขั้นตอนในการสร้างเว็บเพจ 

  1. เปิดโปรแกรม TextEditor แล้วทำการพิมพ์คำสั่ง HTML แล้วบันทึกเป็นไฟล์นามสกุล .htm หรือ .html 
  2. เปิดโปรแกรม WebBrowser เพื่อใช้ในการดูผลลัพธ์ที่ได้จากการเขียนภาษา HTML จากที่ได้เขียนจาก TextEditor 


โครงสร้างของภาษา HTML 
ไฟล์เอกสาร HTML ประกอบด้วยส่วนประกอบสองส่วนคือ Head กับ Body โดยสามารถเปรียบเทียบได้ง่าย ๆ ก็คือ ส่วน Head จะคล้ายกับส่วนที่เป็น Header ของหน้าเอกสารทั่วไป หรือบรรทัด Title ของหน้าต่างการทำงานในระบบ Windows สำหรับส่วน Body จะเป็นส่วนเนื้อหาของเอกสารนั้นๆ โดยทั้งสองส่วนจะอยู่ภายใน Tag …

ลักษณะของภาษา Html 
- คำสั่งของภาษา Html จะอยู่ในเครื่องหมาย < > เสมอ
- ในแต่ละคำสั่ง (tags) ส่วนใหญ่จะมีคำสั่งเปิด < > และคำสั่งปิด </ > เสมอ เช่น ข้อความ
- สามารถใช้อักษรตัวใหญ่ หรือตัวเล็กก็ได้ เช่น
หรือ
จะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ข้อตกลงในการอ่าน
- ข้อความที่เป็นตัวหนาจะเป็นคำสั่งภาษา Html ตัวธรรมดาจะเป็นข้อความธรรมดาที่ไม่เกี่ยวกับภาษา Html รูปแบบโครงสร้างของภาษา Html ทุกครั้งที่เราจะเขียนโฮมเพจด้วยภาษา Html เราจะต้องพิมพ์โครงสร้างต่อไปนี้ลงไปก่อนทุกครั้ง

จากโครงสร้างดังกล่าวสามารถอธิบายได้ดังนี้ 
• คำสั่ง กับ จำเป็นต้องพิมพ์ลงไปทุกครั้งเพื่อบอกว่าเริ่มคำสั่ง html แล้ว และ จบคำสั่ง html แล้วโดย มักจะอยู่บรรทัดแรกเสมอเพื่อบอกว่าเริ่มต้นที่นี่ กับ มักจะอยู่บรรทัดล่างสุดเสมอเพื่อบอกว่าจบส่วนของภาษา html แล้ว
• คำสั่ง และ ใช้สำหรับประกาศหัวของโฮมเพจว่าเขียนโดยใคร โฮมเพจชื่อว่าอะไร ฯลฯ เราเรียกว่าส่วนหัวของโปรแกรม
• คำสั่ง และ จะใช้สำหรับบอกว่าโฮมเพจนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยข้อความที่พิมพ์ลงไประหว่าง ... จะแสดงในส่วนของ title bar
• คำสั่ง และ ข้อมูลที่อยู่ระหว่าง และ จะเป็นส่วนของข้อมูลที่เราต้องการแสดงในเว็บเพจ




 การสร้างเอกสารภาษา HTML และการบันทึกเอกสารภาษา HTML

 ก่อนจะสร้างโปรแกรมภาษา HTML ต้องทำความรู้จักกับโปรแกรมที่จะสร้างเอกสาร HTML ก่อน โปรแกรมนี้เรียกว่า Text Editor คือโปรแกรมที่สร้างและแก้ไขเอกสาร โปรแกรมเหล่านี้ได้แก่ Notepad, Wordpad, MS Word เป็นต้น โดยที่นักเรียนจะเรียนนี้จะใช้ Notepad ในการสร้างเอกสาร HTML
การสร้างเอกสาร HTML เราสามารถสร้างโดยใช้ Text Editor ที่มีอยู่ทั่วไป โปรแกรมเหล่านี้จะติดมากับเครื่องที่ใช้ระบบปฏิบัติการที่เป็น Windows

ขั้นตอนการสร้างเอกสารภาษา HTML ด้วย Notepad

1. เลือก Start →Programs →Accessories→ Notepad
2. จะปรากฏหน้าต่างของโปรแกรม Notepad
3. ให้คีย์เอกสาร HTML ตามนี้  การบันทึกเอกสารภาษา HTML ชื่อไฟล์ต้องเป็นภาษาอังกฤษตัวเล็ก ห้ามเว้นวรรค สามารถใช้เครื่องหมาย - และเครื่องหมาย _ ในการคั่นระหว่างชื่อไฟล์ได้ นามสกุลให้เป็น .html หรือ .htm เท่านั้น ไม่เช่นนั้นไฟล์ที่สร้างขึ้นก็จะเป็น Text File ธรรมดา ไม่สามารถนำไปแสดงผลบน Browser ได้
4. เลือกเมนู File →Save →Save as เลือกตำแหน่งที่จะจัดเก็บไฟล์
5. เลือกชนิดของไฟล์ที่ช่อง Save as type เป็น All Files

 การขึ้นบรรทัดใหม่ 
          ในเอกสารภาษา HTML ข้อความที่เราใส่เข้าไปในเอกสารจะเป็นข้อความที่ต่อเนื่องกันไป และจะขึ้นบรรทัดใหม่ก็ต่อเมื่อข้อความได้ยาวไปชนขอบขวาของหน้าจอแล้วเท่านั้น
หากเราต้องการตัดข้อความหรือขึ้นบรรทัดใหม่จะต้องกำหนดเอง โดยใช้ Tag

รูปแบบของคำสั่ง HTML ที่ใช้ในการขึ้นบรรทัดใหม่

 การใส่หมายเหตุ (Comment) ในเอกสาร 
          การใส่หมายเหตุในเอกสาร HTML คือการที่เราต้องการใส่ข้อความหรือข้อมูลไว้ในเอกสาร แต่ไม่ต้องการให้แสดงบน Browser นั่นเอง
รูปแบบของคำสั่ง HTML ที่ใช้ในการใส่หมายเหตุในเอกสาร


หลักการเขียนภาษา HTML แบบง่ายๆ

  1. จัดให้คำสั่งเปิดและปิดในแต่ละชุดคำสั่งอยู่ใน column ตรงกัน
  2. ข้อความที่ไม่ยาวมาก ถ้ามีคำสั่งเปิดและปิด ให้เขียนในบรรทัดเดียวกัน
  3. คำสั่งที่มีตัวเปิดและปิด ให้เขียนตัวเปิด/ปิดให้เรียบร้อยก่อนที่จะเขียนข้อความลงไปเช่น ต้องการเขียน"โฮมเพจของข้าพเจ้า My Homepage"ก็ควรเริ่มด้วย

โฮมเพจของข้าพเจ้า My Homepage


วิธีการนี้จะช่วยให้ลดความผิดพลาดลงได้มาก
4.      ข้อความที่อยู่ในคำสั่งเปิดและปิด ให้พิมพ์เยื้องไปทางขวา
5.   คำสั่งใดที่อยู่ในคำสั่งเปิดและปิดของคำสั่งอื่น ให้พิมพ์เยื้องไปทางขวามากกว่าเดิมอีก  เล็กน้อย
การกำหนดสี

การกำหนดสีให้พื้นฉากหลัง background
การกำหนดสีของแบ๊คกราวด์ เราจะมีการเพิ่มคำว่า bgcolor = #รหัสสี เข้าไปในแท็ก ดังนี้

 
โดยรหัสสีจะมีรูปแบบเป็นเลข 6 หลัก แต่ละหลักแทนด้วยเลขฐาน16 (0-9,A-F) โดยที่เลข 2หลักแรกแทนค่า สีแดง สองหลักต่อมาแทนค่า สีเขียว สองหลักสุดท้ายแทนค่า สีน้ำเงิน เรามีตัวอย่างรหัสสีมาให้ดู ส่วนสีอื่นๆ ดูได้

สี รหัสสี   
แดง #FF0000   
เขียว #00FF00   
น้ำเงิน #0000FF   
ขาว #FFFFFF   
ดำ #000000   
เทา #BBBBBB  
 การกำหนดสีให้กับตัวอักษร
ถ้า ต้องการที่จะกำหนดสีให้กับตัวอักษรทั้งเอกสาร เราจะเพิ่ม Text = #รหัสสี ไว้ในแท็ก bodyดังนี้

 
แต่ถ้าต้องการมีการกำหนดสีของ background อยู่ด้วย เขียนดังนี้

 
แต่ถ้าต้องการกำหนดสีเพื่อที่จะเน้นข้อความบางข้อความให้แตกต่างจากข้อความอื่น จะมีรูปแบบดังนี้

ข้อความ
การกำหนดขนาดของตัวอักษร สามารถทำได้เช่นกัน รูปแบบดังนี้
                                    ข้อความ
 ตัวเลขจะมีค่าจาก –7 ถึง 7 จากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ ค่ามาตรฐาน คือ +3
เช่น ข้อความ

การใส่รูปภาพ
ในการนำรูปภาพมาใส่ในเวบนั้น เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ โฮมเพจของเราดูน่าสนใจยิ่งขึ้น แต่ว่าถ้ามีมากไปก็ไม่ไหว เพราะว่ามันจะทำให้โหลดช้าขึ้น คงจะไม่ทันใจสำหรับพวกใจร้อนทั้งหลาย สำหรับแท็กที่ใช้แทรกรูปภาพ จะมีรูปแบบดังนี้


width = ตัวเลข : ตัวเลขในที่นี้หมายถึง ความกว้างของภาพ
height = ตัวเลข : ตัวเลขในที่นี้หมายถึง ความสูงของภาพ


สรุปคำสั่งพื้นฐานHTML


คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่
ข้อความ ย่อหน้าใหม่
  คำสั่งเพิ่มช่องว่าง
คำสั่งแสดงชื่อรูปภาพ ชื่อ photo.jpg
ข้อความ
คำสั่งจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลาง
เริ่มต้นการเขียนโปรแกรม HTML
คำสั่งส่วนของชื่อเรื่องโดยคำสั่งย่อยคือ<span class="Apple-tab-span" style="white-space:pre"> </span>   </p> <p> <title> คำสั่งบอกชื่อเรื่อง จะปรากฏที่ title bar(บนหัวโปรแกรม)
ส่วนของเนื้อเรื่อง

สรุปวิชาการเขียนโปรแกรม 1 เริ่มต้นกับภาษาซี


ใบความรู้
สรุปวิชาการเขียนโปรแกรม 1 เริ่มต้นกับภาษาซี 
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ครูสุเมธ
1   บทนำเกี่ยวกับภาษาซีที่นำมาใช้ในหลักสูตรการเขียนโปรแกรม 1
จากหลักสูตรการเขียนโปรแกรม 1  ผู้สอนจะต้องเลือกใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งในการเรียนเขียนโปรแกรมภาคปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากการเรียนทฤษฎีในห้องเรียน   สามารถนำทฤษฎีการเขียนโปรแกรมไปประยุกต์ใช้และปฏิบัติได้จริงจนเกิดผลงานหรือโครงงานเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  ดังนั้นผู้สอนจึงเลือกภาษาซีมาใช้ในการเรียนการสอน  ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้    (ดูหลักสูตรด้านคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่เว็บไซด์ www.comsci.info )
1. ภาษาซี  เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง  เหมาะสำหรับการเรียนรู้เบื้องต้น ฝึกคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
2. * ภาษาซี  มีการจัดอันดับความนิยมในการใช้ภาษาคอมพิวเตอร์(อดีต -2550) พบว่า ภาษาซี เป็นภาษาอันดับ 2-3 ของโลก
          ( จัดอันดับดังนี้ 1. Java    2. C++    3. C     4. PHP    5. Perl     6.Python    7. C#    8. JavaScript   9. VB     10. Delphi
        อ้างอิงจาก   http://www.jroller.com/page/matsh?entry=java_history_was_made_today  )
3.  ภาษาซี  เป็นพื้นฐานในการเรียนต่อระดับสูงต่างๆ   เช่น Java, Visual Basic , Flash animation (script) , Authorware ฯลฯ
4.  ภาษาซี  มักใช้แก้ปัญหาเชิงคณิตศาสตร์  วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา)  ที่ซับซ้อนได้ดี รวมทั้งสาขาอื่นๆ ด้วย
5.  ในปีการศึกษา 2551  พบว่าสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ นำภาษาซี หรือ Java มาใช้ในการเรียน...
6.  บริษัท Microsoft นำภาษาซีมาใช้ในการเริ่มต้นสร้างระบบปฏิบัติการ Windows  ซึ่งให้มูลค่าหลายพันล้านบาท
7.  ภาษาซี   ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกมาแล้ว 23 ปี  ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985    และประโยชน์เหตุผลอื่นๆ  อีกมากมาย

1.1  การคอมไพล์และรันโปรแกรม
-  ภาษาซีเป็นภาษาโปรแกรมระดับสูง  ใช้สำหรับเขียนโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ  สร้างและพัฒนาระบบปฏิบัติการ  มีความสามารถที่เด่นกว่าภาษาคอมพิวเตอร์อื่นๆ คือ  เน้นควบคุมฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซึ่งการใช้คำสั่งต้องใช้มาตรฐานของ ANSI  C
- การคอมไพล์และรันโปรแกรมภาษาซีมีขั้นตอนการดำเนินการของโปรแกรมแปลภาษาซีดังนี้
Editor  -->  Preprocessor  -->  Compiler  -->  Linker  -->  Loader
-  Source code หรือ รหัสต้นฉบับ คือ  ข้อความที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์
-  Object code คือ  รหัสเครื่องประกอบด้วยตัวเลข 0 และ 1 ที่ถูกสร้างขึ้นจากโปรแกรมรหัสต้นฉบับ
-  Compiler   คือ  ดำเนินกระบวนการแปลง Source code ให้เป็น  Object code

แบบฝึกหัด

  1. ภาษาซีเป็นภาษาระดับใด
  2. ภาษาซี   ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ตั้งแต่ปีใด
  3. บริษัทใดที่มีการนำภาษาซี มาใช้สร้างระบบปฏิบัติการ
  4. ข้อความที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ เรียกว่าอะไร
  5. ภาษาซีมักใช้แก้ปัญหาในวิชาใด



1.2  โครงสร้างพื้นฐานของโปรแกรมภาษาซี

//   ==========   ส่วนที่ 1  ส่วนหัวของฟังก์ชัน  =========================
#include       //  คือ    การเรียกอ่านแฟ้มส่วนหัว (header file) เพื่อให้ถูกประมวลผล -
#include //            ร่วมกับโปรแกรมแปลภาษาซี   เช่น เรียกอ่าน file ชื่อ stdio.h  -
//            ซึ่งภายในจะบรรจุคำสั่งที่ใช้ในภาษาซี เช่น printf() , scanf()  เป็นต้น
void main( ) //   คือ ฟังก์ชันหลักที่มีค่าว่าง หรือ ไม่มีการส่งค่าข้อมูลไปและไม่รับค่ากลับมา
{ //   คือจุดเริ่มต้นของฟังก์ชัน     (ในทางอัลกอริทึ่ม คือ  เริ่มต้นการทำงาน)

//   ==========  ส่วนที่ 2   ส่วนการประกาศตัวแปร  =========================
int  number  ;             //   คือ ส่วนประกาศตัวแปรชนิดต่างๆ  เพื่อเก็บข้อมูลระหว่างการประมวลผล  -
            //         เช่น   int  number;   คือ การประกาศตัวแปร number ให้เป็นชนิดตัวเลขจำนวนเต็ม

//   ==========   ส่วนที่ 3  ส่วนคำสั่งต่างๆ   =========================
printf("Display");   // คือ ส่วนของคำสั่งต่างๆ  เช่น printf คือ คำสั่งแสดงข้อมูล  เป็นต้น
clrscr(); //   คือ คำสั่งล้างจอภาพ  (Clear  Screen)  ต้องใช้ header file  ชื่อ   conio.h
} //   คือจุดสิ้นสุดของฟังก์ชัน       (ในทางอัลกอริทึ่ม คือ  จบการทำงาน)

สรุปหลักเนื้อหาบางส่วนของบทที่ 1
1.3 ทฤษฎีการแสดงผลลัพธ์ของภาษาซีเบื้องต้น  (ดูหลักการเพิ่มเติมของ Computer  Science ที่เว็บไซด์ www.comsci.info )
  * ฟังก์ชัน  printf( )  เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์ออกทางจอภาพ  ซึ่งจะต้องมี   argument   อยู่ด้วยเสมอ

* รูปแบบการใช้  คือ       printf ( “argument” ,  list ) ;                     (อาจจะไม่มี list ก็ได้)

argument  คือ  ข้อความ  หรือรหัสรูปแบบข้อมูล (format code)  หรือ รหัสควบคุมการพิมพ์ข้อมูล
(control code)  ซึ่งในหนังสือแบบเรียน สสวท. จะเรียกว่า อักขระหลีก      โดยสามารถใช้ร่วมกันได้ภายในเครื่องหมาย “   ”  (double quote) โดยที่ข้อความและรูปแบบของข้อมูลจะถูกพิมพ์ออกมาทางจอภาพ    ซึ่งรหัสพื้นฐานต่างๆ ที่ควรรู้  มีดังนี้

รหัสรูปแบบข้อมูล
(format  code) ความหมาย
(ใช้กับข้อมูลชนิด... ) รหัสควบคุมหรืออักขระหลีก
(control or escape code)   ความหมาย
%d ตัวเลขจำนวนเต็ม  (int) \n ขึ้นบรรทัดใหม่
%c อักขระตัวเดียว (char) \t เว้นช่องว่าง 6 อักขระ
%f เลขทศนิยม  (float) \b ลบทีละ 1 อักขระ
%s ข้อความ (char var[] ) \’  หรือ \” แสดงอักขระ ‘ หรือ ”
list  คือ  ค่าคงที่ หรือ ตัวแปร  หรือนิพจน์ก็ได้  ถ้ามีมากกว่า 1  ค่าให้ใช้เครื่องหมาย , (comma)  คั่นระหว่างค่าแต่ละค่า   ซึ่งฟังก์ชัน  printf( )    อาจจะไม่มีส่วน list  ก็ได้    เช่น   printf("M. %d/%d  num = %d" ,  id1, id2, num);

แบบฝึกหัด

  1. ฟังก์ชัน  printf( )   มีหน้าที่การทำงานอย่างไร
  2.  %d  และ %f มีการใช้งานที่ต่างกันอย่างไร 





สรุปหลักเนื้อหาบางส่วนของบทที่ 2   

2.1  ทฤษฎีการรับข้อมูลของภาษาซีเบื้องต้น  (ดูหลักการเพิ่มเติมของ Computer  Science ที่เว็บไซด์ www.comsci.info )
*  ฟังก์ชัน  scanf( )  เป็นฟังก์ชันที่ใช้ในการรับข้อมูลจากคีย์บอร์ดเข้าไปเก็บไว้ในตัวแปรที่กำหนดไว้

รูปแบบการใช้เบื้องต้น  คือ       scanf ( “format code”  ,  &variable ) ;

format  code   เช่น   %d   %c  %f  %s  เป็นต้น   สำหรับคำอธิบายให้ดูคำสั่ง printf
variable  คือ   ชื่อตัวแปรที่ใช้เก็บข้อมูล  โดยจะต้องใช้เครื่องหมาย & (ampersand)  นำหน้าชื่อตัวแปร
         เช่น      scanf("%d", &decimal);    เป็นต้น
* ที่มาจากหนังสือ  :   ผศ.สมชาย  รัตนเลิศนุสรณ์ .  การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาซี.   กรุงเทพฯ , 2545.

แบบฝึกหัดบทที่ 2  
           จงพิจารณาผลลัพธ์ของโปรแกรมแสดงปีโดยรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด   โดยให้แสดงตัวเลขตามรหัสรูปแบบข้อมูล (Format code )   แล้วนำไปเขียน Source Code ในช่องว่างดังนี้


ตามข้อกำหนดมาตรฐานของสถาบัน  ANSI (American  National Standards Institute)  กำหนดให้ภาษา C มีคำสั่งควบคุมการทำงานของโปรแกรม   ซึ่งมีอยู่  3  กลุ่มคำสั่งดังนี้

คำสั่งกลุ่มที่ 1  คำสั่งวนลูปหรือทำงานซ้ำ
คำสั่งวนลูป (Loop)  เป็นคำสั่งที่สามารถควบคุมโปรแกรมให้ทำงานเป็นจำนวนรอบตามที่เรากำหนดไว้  หรือทำงานจนกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้เป็นเท็จ   จึงจะออกจากคำสั่งวนลูปได้

คำสั่งและความหมายของคำสั่ง ตัวอย่าง  Source  code ผลลัพธ์เมื่อแสดงบนจอภาพ
3.1   for   เป็นคำสั่งที่สั่งให้โปรแกรมมีการทำงานซ้ำๆ วน loop จนกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้เป็นเท็จ for (number = 1; number <= 4 ; number++)
   printf(“%d  ”, number ); 1 2 3 4
3.2  while  เป็นคำสั่งที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับคำสั่ง for  แต่ต้องมีเงื่อนไขที่เป็นเท็จจึงจะออกจาก loop int  n = 1;
while ( n <  4 )
{   n = n + 1 ; printf(“%d  ”, n);  } 1 2 3
3.3  do while  เป็นคำสั่งที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับคำสั่ง while  แต่จะทดสอบเงื่อนไขหลังจากที่ได้ทำงาน
ตามคำสั่งภายใน loop ไปแล้ว  1 รอบ   int  n = 1;
do  {   n = n + 1 ; printf(“%d  ”, n);  }
while ( n <  4 ); 1 2 3
3.4  break เป็นคำสั่งที่สั่งให้ออกจากคำสั่ง for หรือ while หรือ do while หรือ คำสั่ง switch for (num = 1; num <= 10 ; num++)
 {  printf(“%d  ”, num );
   if( num == 5)  break;  } 1 2 3 4 5
3.5  continue  เป็นคำสั่งที่สั่งให้กลับไปทำงานที่คำสั่งแรกของลูปคำสั่ง for หรือ while หรือ do while ทำให้มีการทำงานในรอบต่อไป for (num = 1; num <= 10 ; num++)
 {  printf(“%d  ”, num );
   if( num == 5)
  { num = num+2; continue; }    } 1 2 3 4 5 8 9 10

คำสั่งกลุ่มที่ 2  คำสั่งทดสอบเงื่อนไขเพื่อการตัดสินใจ (decision statements)
        คำสั่งทดสอบเงื่อนไขเพื่อการตัดสินใจ  เป็นคำสั่งที่มีการทดสอบเงื่อนไขก่อนที่จะทำงานตามคำสั่ง
ที่กำหนดไว้  ซึ่งมีรายละเอียดแต่ละคำสั่งดังนี้

คำสั่งและความหมายของคำสั่ง ตัวอย่าง  Source  code ผลลัพธ์
3.6   if  เป็นคำสั่งที่ใช้ทดสอบเงื่อนไข  โดยมีการตัดสินใจแบบ 1 ทางเลือก
ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงให้ทำตามคำสั่งที่อยู่ภายใน if  ถ้าเป็นเท็จให้ทำคำสั่งถัดไป if (num == 9)
{  printf(“Yes = 9”);  } input number = 9 :
Yes = 9
3.7   if else  คำสั่งที่ใช้ทดสอบเงื่อนไข  โดยมีการตัดสินใจแบบ 2 ทางเลือก   if (num == 9)  {  printf(“Yes = 9”);  }
else {  printf(“Not 9”);  }
input number = 7 : Not 9
input number = 9  : Yes= 9
3.8    if else if  หรือ  หรือ  nested  if  หรือ if เชิงซ้อนคือ คำสั่งที่ใช้ทดสอบเงื่อนไข  โดยมีการตัดสินใจที่ซับซ้อนมากกว่า 2 ทางเลือกขึ้นไป if (num == 9)  {  printf(“Yes = 9”);  }
else if (num == 8)  {  printf(“Yes = 8”);  }
else {  printf(“Not 9 and Not 8”);  } input number = 8 : Yes = 8
input number = 9  : Yes= 9
input number = 7  : Not 9 and Not 8
3.9   switch  คำสั่งที่ใช้ทดสอบเงื่อนไขคล้ายๆกับคำสั่ง if else if  และสำหรับตัดสินใจมากกว่า 2 ทางเลือกขึ้นไป  แต่มีรูปแบบการใช้คำสั่งง่ายกว่าและสดวกในการแก้คำสั่งเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
       3.9.1  case คือ  คำสั่งที่ใช้ร่วมกับคำสั่ง switch เพื่อใช้ตรวจสอบเงื่อนไข
      3.9.2  default  คำสั่งที่ใช้ร่วมกับคำสั่ง switch ใช้ในกรณีที่นิพจน์หรือค่าคงที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขใดๆ เลย printf(“Enter Grade :\n”);
scanf(“%c”, &grade);
switch ( grade )
{ case ‘a’ : num = 4;  break;
case ‘b’ : num = 3;  break;
case ‘c’ : num = 2;  break;
case ‘d’ : num = 1;  break;
default :  num = 0;
}
printf(“Number =  %d \n\n”, num);   Enter Grade :  b
Number =  3

Enter Grade :  a
Number =  4

Enter Grade :  z
Number =  0

แบบฝึกหัด

  1. คำสั่งวนลูป (Loop)   คืออะไร
  2. ยกตัวอย่างคำสั่งเงื่อนไขที่นักเรียนเข้าใจ พร้อมอธิบายวิธีการใช้งานมาพอเข้าใจ



คำสั่งกลุ่มที่ 3  คำสั่งที่สั่งไปทำงานตามจุดที่กำหนดไว้   (goto  statements)
        คำสั่ง goto และ label  จะทำให้โปรแกรมข้ามคำสั่ง อื่นๆ เพื่อไปทำคำสั่งที่ต้องการ โดยอาจมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไขก็ได้
คำสั่งนี้จะไม่ใช้ในหลักสูตรการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์  และหลักการเขียนโปรแกรมด้วย C  โดยทั่วไปแล้วไม่นิยมใช้คำสั่ง goto
 เพราะเป็นคำสั่งที่ทำให้การเขียนโปรแกรมไม่เป็นระเบียบ และผิดโครงสร้างทางอัลกอริทึ่มอีกด้วย
คำสั่งนี้จะใช้ในกรณีพิเศษเท่านั้นเช่น   การข้ามขั้นตอนการทำงานในบางกรณี   การย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดการทำงานของโปรแกรม  เป็นต้น


แบบฝึกหัดบทที่ 3

  1.  คำสั่งที่ใช้ทดสอบเงื่อนไข  โดยมีการตัดสินใจแบบ 2 ทางเลือก  คือคำสั่งอะไร 
  2. คำสั่งที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับคำสั่ง while  แต่จะทดสอบเงื่อนไขหลังจากที่ได้ทำงาน
  3. ตามคำสั่งภายใน loop ไปแล้ว  1 รอบ  คือคำสั่งอะไร 
  4. คำสั่งที่ใช้ร่วมกับคำสั่ง switch ใช้ในกรณีที่นิพจน์หรือค่าคงที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขใดๆ เลย  คือคำสั่งอะไร 



1) อัลกอริทึ่ม (Algorithm) คืออะไร?
        ก. กระบวนการ
        ข.  การคำนวน
        ค.  การทอดไข่เจียว
        ง. การแก้ปัญหาแบบสามัญสำนึก (heuristic)
2) ข้อใดไม่ถูกต้อง?
        ก. Integer - เลขจำนวนเต็ม
  ข. Character - ตัวอักษร
         ค. Floating Point Number - เลขหลักลอย
  ง.ไม่ถูกทั้งสามข้อ
3) Header ใดต้องมีในโปรแกรมภาษาC ทุกโปรแกรม?
        ก. conio.h
        ข. stdio.h
  ค. windows.h
  ง. default.h
4) int x, y, z, a; หมายถึงอะไร?
ก.  ประกาศตัวแปร x y z และ a
  ข. ประกาศค่า x y z และ a
  ค. ประกาศให้ z y และ x มีค่าเท่ากับ a
  ง. ไม่มีข้อใดถูก
5) หากต้องการเขียนโปรแกรมให้สื่อความหมายว่า '' ไม่เท่ากับ '' จะต้องเขียนอย่างไร?
       ก.  ==
       ข. !=
       ค.  ^^
       ง.  =><=


เฉลย
1.  ง 2.     ค
3.  ข 4.     ก
5.   ข

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

YouTube ก็แอบเต้น Harlem Shake กับเขาเหมือนกันนะ

YouTube ก็แอบเต้น Harlem Shake กับเขาเหมือนกันนะ


จาก Meme Harlem Shake เทรนด์คลิปเต้นที่ระบาดหนักใน YouTube ตอนนี้ เราก็ได้เห็นคนดังออกมา Harlem Shake กันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว ล่าสุด YouTube ก็ออกมา Harlem Shake กับเขาเหมือนกัน…แต่ทำผ่านเว็บนะ ใครอยากรู้เป็นอย่างไร คลิกที่นี่ครับ หรือพิมพ์ do the harlem shake ในช่องค้นหาครับ