Music Hit In your life

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

CIDR Notation (Classless Inter-Domain Routing)

CIDR Notation (Classless Inter-Domain Routing)

การอ้างอิงหมายเลขไอพีแอดเดรสข้างต้นเป็นไปตามแบบมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ ในปัจจุบันได้มีรูปแบบการอ้างอิงหมายเลขไอพีแอดเดรสด้วยการเพิ่มเครื่องหมาย / (Slash) และตามด้วยขนาดของมาสก์ โดยในส่วนของหมายเลขเครือข่ายจะเรียกว่า พรีฟิกซ์ (Prefix) ในขณะที่หมายเลขโฮสต์นั้นจะเรียนกว่า ซัฟฟิกซ์ (Suffix) ตัวอย่างเช่น หมายเลขไอพีแอดเดรส 128.10.0.0 ซึ่งจะมี 16 บิตแรกเป็นพรีฟิกซ์ และ 16 บิตหลังนั้นเป็นซัฟฟิกซ์ถ้าเขียนให้อยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์ CIDR ก็จะได้ดังนี้คือ 128.10.0.0/16 และด้วยการเขียนแอดเดรสให้อยู่ในรูปแบบ CIDR นี่เอง จึงทำให้เราสามารถรับรู้ถึงว่า แอดเดรสนี้ว่ามีการมาสก์อย่างไรไปในตัว

คราวนี้ลองมาดูว่า การใช้หลักการกำหนดหมายเลขไอพีแอดเดรสด้วยหลักการ CIDR นั้น จะช่วยให้เกิดความยือหยุ่นต่อการใช้งานอย่างไร เช่น สมมติว่าบริษัทที่บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP ได้มีหมายเลขไอพีคลาส B คือ 128.211.0.0 ไว้คอยบริการลูกค้า และหากมีการใช้ดีฟอลต์ซับเน็ตมาสก์ของคลาส B เองก็จะทำให้เครือข่ายนี้มีเพียงหนึ่งเครือข่าย ดังนั้น ทาง ISP จึงต้องกำหนดพรีฟิกซ์นี้ให้กับลูกค้าเพียงรายเดียวเท่านั้น และภายในหนึ่งเครือข่ายก็สามารถมีจำนวนโฮสต์แอดเดรสได้มากถึง 2 16 โฮสต์ด้วยกัน โดยหาก ISP รายนี้เกิดมีลูกค้าที่ต้องการเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับจำนวนโฮสต์มากมายเหล่านี้ ก็ถือว่าสามารถให้บริการพรีฟิกซ์นี้ได้กับลูกค้ารายนั้น แต่ถ้าหาก ISP รายนี้เกิดมีลูกค้า 2 รายที่ต้องการเพียงจำนวนโฮสต์ 12 เครื่องเท่านั้น การกำหนดพรีฟิกซ์ดังกล่าว คงไม่สามารถจะกระทำได้เพื่อรองรับเหตุการณ์นี้

คราวนี้ เราลองมาพิจารณาด้วยการใช้หลักการภายใต้ CIDR โดยกรณีแรกถ้าต้องการกำหนดพรีฟิกซ์ให้กับหนึ่งหน่วยงาน ทาง ISP ก็สามารถใช้ 16 บิต CIDR มาสก์ได้เลย ซึ่งก็คือ 128.211.0.0/16

สำหรับกรณีที่ 2 ที่ทาง ISP มีลูกค้าสองรายที่ต้องการจำนวนโฮสต์เพื่อเชื่อมต่อเพียง 12 โฮสต์เท่านั้น ทาง ISP ก็จะสามารถใช้ CIDR ในการแบ่งส่วนแอดเดรสให้กับลูกค้าทั้งสองรายได้ดังต่อไปนี้

ลูกค้ารายแรก ได้ชุดหมายเลขไอพี 128.211.0.16/28

ลูกค้ารายที่สอง ได้ชุดหมายเลขไอพี 128.211.0.32/28

ถึงแม้ว่าลูกค้าทั้งสองรายจะมีมาสก์ขนาดเดียวกัน (28 บิต) แต่พรีฟิกซ์จะแตกต่างกัน ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ เนื่องจากลูกค้าแต่ละรายนั้นจะมีพรีฟิกซืของตัวเองไม่ซ้ำกับใคร และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทาง ISP จะสามารถเก็บกักหมายเลขไอพีจำนวนมากของตน เพื่อบริการให้แก่ลูกค้ารายอื่นๆ ได้อีกจำนวนมาก ด้วยการลดจำนวนหมายเลขที่ต้องสูญเสียไปโดยใช่เหตุ สำหรับหน่วยงานที่ใช้งานหมายเลขไอพีแอดเดรสไม่เต็มจำนวนกับคลาสที่ได้รับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการจัดการแบ่งปันหมายเลขไอพีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การหาแอดเดรสซับเน็ต

ในการหาแอดเดรสซับเน็ต จะใช้ประโยชน์จากหมายเลขซับเน็ตมาสก์และไอพีแอดเดรส

Boundary-Level Masking

ปกติการตั้งค่าซับเน็ตมาสก์ตามมาตรฐาน จะกระทำด้วยการกำหนดบิตเป็น 1 หรือ 0 จนครบ 8 บิต ซึ่งจะตรงกับค่าของเลขฐานสิบคือ 255 หรือ 0 การกำหนดด้วยวิธีดังกล่าวเป็นการกำหนดภายในขอบเขตหรือเรียกว่า Boundary-Level Masking ซึ่งจะทำให้สามารถหาแอดเดรสซับเน็ตได้ง่ายมาก โดยแสดงรายละเอียดการหาแอดเดรสของซับเน็ตดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่างที่ 1

IP address 45 . 23 . 21 . 8

Mask 255 . 255 . 0 . 0

Subnetwork address 45 . 23 . 0 . 0

ตัวอย่างที่ 2

IP address 173 . 23 . 21 . 0

Mask 255 . 255 . 255 . 0

Subnetwork address 173 . 23 . 21 . 0

Nonboundary-Level Masking

สำหรับกรณีมาสกิ้งที่ไม่ได้กำหนดเป็น 255 หรือ 0 จะถือเป็นการกำหนดที่อยู่ภายนอกขอบเขตหรือเรียกว่า Nonboundary-Level Masking ซึ่งวิธีนี้จะใช้ค่าของซับเน็ตมาสก์เป็นตัวกำหนดจำนวนซับเน็ตและจำนวนโอสต์ขึ้นเองตามความเหมาะสม ดังนั้น ในการหากแอดเดรสซับเน็ตสำหรับกรณีนี้จะใช้วิธีการเทียบบิตด้วยตัวลอจิก AND โดยนำตำแหน่งไบต์ของมาสก์ที่มีค่านอกเหนือจาก 0 หรือ 255 ไปเทียบกับหมายเลขไอพีแอดเดรสแสดงดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่างที่3

IP address 45 . 123 . 21 . 8

Mask 255 . 192 . 0 . 0

Subnetwork address 45 . 64 . 0 . 0

สังเกตได้ว่าตำแหน่งไบต์ที่ 1, 3 และ 4 นั้นง่ายต่อการแปลง ในขณะที่ตำแหน่งไบต์ที่ 2 จะได้ค่าซับเน็ตเวิร์กเป็น 64 ซึ่งมีกระบวนการหาดังต่อไปนี้

123 = 0 1 1 1 1 0 1 1

192 = 1 1 1 1 1 1 1 1

_____________________________________ (เปรียบเทียบบิตด้วยลอจิก AND)

64 = 0 1 0 0 0 0 0 0

ตัวอย่างที่ 4

IP address 213 . 23 . 47 . 37

Mask 255 . 255 . 255 . 240

Subnetwork address 213 . 23 . 47 . 32

สังเกตได้ว่าตำแหน่ง 3 ไบต์แรกสามารถกำหนดได้ทันที ในขณะที่ตำแหน่งไบต์สุดท้ายจะต้องดำเนินการต่อไปนี้

37 = 0 0 1 0 0 1 0 1

240 = 1 1 1 1 0 0 0 0

_____________________________________ (เปรียบเทียบบิตด้วยลอจิก AND)

32 = 0 0 1 0 0 0 0 0

ตัวอย่างการแบ่งซับเน็ตของแอดเดรสคลาส B

w 255.555.0.0/16 (11111111 . 11111111 . 00000000 . 00000000)

1 เครือข่าย/65534 โฮสต์ (ไม่มีซับเน็ต เนื่องจากใช้ดีฟอลต์ซับเน็ต)

w 255.255.192.0/18 (11111111 . 11111111 . 11000000 . 00000000)

2 ซับเน็ต/ซับเน็ตละ 16,382 โฮสต์

w 255.255.252.0/22 (11111111 . 11111111 . 11111100 . 00000000)

62 ซับเน็ต/ซับเน็ตละ 1, 022 โฮสต์

w 255.255.255.0/24 (11111111 . 11111111 . 11111111 . 00000000)

254 ซับเน็ต/ซับเน็ตละ 254 โฮสต์

w 255.255.255.240/28 (11111111 . 11111111 . 11111111 . 11110000)

4, 096 ซับเน็ต/ซับเน็ตละ 14 โฮสต์


From : http://www.burapaprachin.ac.th/network/Lesson.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น